รีเซต

SCCราคา -ดีมานด์ฟื้น กลยุทธ์ลดเสี่ยงดันโต

SCCราคา -ดีมานด์ฟื้น กลยุทธ์ลดเสี่ยงดันโต
ทันหุ้น
29 เมษายน 2565 ( 06:53 )
146

#SCC #ทันหุ้น – SCC มั่นใจรายได้รวมทั้งปี 2565 โตมากกว่า 10% ตามเป้า หนุนจากการทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า และมุ่งผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูง ย้ำฐานะการเงินแข็งแกร่ง เดินหน้าลงทุนโครงการ LSP2 ยืนยัน LSP1 พร้อม COD กลางปี 2566 ระยะสั้นมุ่งบริหารความเสี่ยง 3 ด้าน ควบคู่ เร่งลงทุนตามแผน ESG เร็วขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงระยะยาว

 

นายรุ่งโรจน์  รังสิโยภาส  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ราคาพลังงานโดยเฉพาะราคาน้ำมันที่เร่งตัวขึ้น และทรงตัวในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานโดยภาพรวมของบริษัทปรับตัวขึ้น 15-20% และส่งผลกระทบแต่ละกลุ่มธุรกิจแตกต่างกัน ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงสุดคือกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี ที่มีต้นทุนพลังงานสูงถึง 70-80%, ส่วนกลุ่มธุรกิจปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างซึ่งใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักในกระบวนการผลิต ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 20% YoY, และกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ได้รับผลกระทบเพียงประมาณ 5-10%

 

อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถปรับราคาขายบางกลุ่มสินค้าให้สะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มกรีน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ที่ดี และเริ่มเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ดังนั้นจึงยังคงเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปี 2565 เพิ่มขึ้น 10%เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ผ่านมา

 

*รุกตลาดอาเซียน

 

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลผลกระทบต่อสภาพวะเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค และแต่ละประเทศไม่เท่ากัน ดังนั้นบริษัทจึงต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ โดยจะมุ่งเน้นกระจายสินค้าเข้าสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งยังมีความต้องการสินค้าในระดับสูง

 

“อนาคตคงไม่เห็นความร่วมมือของกลุ่มประเทศต่างๆ ในรูปแบบเดิมยากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ต่างๆ อาเซียนจะได้ประโยชน์ ซึ่งหากสามารถเจรจาให้คู่ค้า-พันธมิตรมองเห็นโอกาสของการเข้ามาลงทุน ก็จะต่อยอดได้อีกในระยะยาว ประกอบกับปัจจุบันนักธุรกิจก็เรียนรู้ที่จะบริหารความเสี่ยง และกระจายการลงทุนมากขึ้น”

 

*ปรับกลยุทธ์สู้วิกฤติ

 

ทั้งนี้บริษัทปรับกลยุทธ์ระยะสั้น มุ่งบริหารจัดการความเสี่ยงอาทิ 1.ทำสัญญาซื้อขายพลังงานล่วงหน้า 2.บริหารจัดการวัตถุดิบในทุกห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และ 3.พยายามบริหารจัดการสินค้าคงคลังให้สอดคล้องกับความต้องการ ควบคู่กับการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในการเร่งลงทุนตามโครงการ  ESG มุ่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด  (Energy Transition) ให้เร็วขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาว

 

“วิกฤติด้านพลังงานเป็นวิกฤติระยะสั้น บริษัทจึงมุ่งเน้นการกระจายความเสี่ยงผ่านการหาแหล่งวัตถุดิบใหม่มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าหากความขัดแย้งในยุโรปตะวันออกรุนแรงขึ้น บริษัทจะสามารถดำเนินการผลิตต่อไปได้ และทำอย่างไรให้ต้นทุนยังสามารถบริหารจัดการได้ จากการใช้เครื่องมือด้านการเงินในรูปแบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม มองว่าไทย หรืออาเซียน ยังอยู่ห่างจากสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าว ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก

 

*เดินหน้าลงทุนปิโตร

 

พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุน โครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited  ในประเทศเวียดนาม โดยปัจจุบันโครงการ LSP 1 คืบหน้าแล้วประมาณ 93%คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 สำหรับโครงการ LSP 2 ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงของการศึกษาและออกแบบ  เบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุปว่าจะดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมดำเนินการหรือไม่

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง