SCC คงเป้ารายได้โตต่อ 10% ตั้งงบลงทุนกว่า 2 หมื่นล้าน
#SCC#ทันหุ้น-SCC เปรยแววครึ่งหลังปี 2567 แนวโน้มดี รับผลบวกรัฐเร่งเบิกจ่ายงบ พร้อมยืนเป้ารายได้ปี 2567 เป็นโต 10% จากปีก่อน ส่วนโครงการ LSP เปิดดำเนินการไปช่วง Q4/2567 แถมควักงบ 2.1-2.6 หมื่นล้านบาท ลุยขยายฐานลงทุนในและต่างประเทศเพิ่ม ปูทางโกยเงินระยะยาว
นางสาวธิษณา วิศวเมธีกุล Investor Relations Specialist บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มธุรกิจครึ่งหลังปี 2567 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ผลมาจากทางภาครัฐมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณผ่านการลงทุนโครงการต่างๆ และถือเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นซึ่งยังไม่นับรวมธุรกิจในกลุ่มอื่นๆ ที่เข้ามาเสริม
*ทุ่มงบอัพฐาน
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนทุ่มงบลงทุนราว 2.1-2.6 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายฐานการลงทุนโครงการทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติม อาทิ โครงการลองเชิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals - LSP) ฯลฯ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจในอนาคต และสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวอีกทางหนึ่ง
ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านทาง SCC ได้มีการปรับแผนการดำเนินงาน โดยจะหันมามุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก อาทิ ปูนซีเมนต์ ฯลฯ และธุรกิจสีเขียว เช่น โซลาร์, แบตเตอร์รี่ ให้มากขึ้น เพราะมองยังมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว รวมทั้งได้มีการปิดธุรกิจที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมากและโอกาสเติบได้ยากในระยะยาวอีกทางหนึ่ง
*ลุยลดคาร์บอน
สำหรับในระยะยาวทั้ง Cement and Green Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างยกระดับอุตสาหกรรมการก่อสร้างของไทยอย่างยั่งยืน บริษัทจึงมุ่งให้ความสำคัญกับการก้าวสู่ “Net Zero Cement & Concrete 2050” ผ่านการพัฒนานวัตกรรมทั้งผลิตภัณฑ์ กระบวนการและการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยแนวคิดเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ หรือ Low Carbon Economy เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050หรือปี 2593 ด้วย
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาทาง SCC ยังได้ระบุถึงประเด็นเกี่ยวกับโครงการ LSP ว่าจะสามารถกลับมาทดสอบการเดินเครื่องทั้งโรงงานขั้นต้น (Upstream) และขั้นปลาย (Downstream) ในเดือนสิงหาคม-กันยายน2567 และจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/2567
อนึ่ง งบการเงินสิ้นไตรมาส 2/2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ กำลังซื้อในตลาดอาเซียนดีขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม และอินโดนีเซีย รวมทั้งมีรายได้เงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น ส่งผลให้มีรายได้ 128,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน
กำไรสำหรับงวดไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ราว 3,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้252,461 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีสัดส่วนยอดขายจากเอสซีจี เคมิคอลส์ 39% เอสซีจีพี 27% เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน 16% เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่งและเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล 13% และเอสซีจี เดคคอร์ 5
อนาคตไกล 290 บ.
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ “ทยอยซื้อ” หุ้น SCC ให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 290.00 บาท เนื่องจากการฟื้นตัวที่ยังค่อยเป็นค่อยไปโดยเฉพาะธุรกิจเคมิคอลส์ที่ยังรอดีมานด์หนุนที่ชัดเจนเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีปัจจัยหนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ
ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ยังคงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ SCC โดยมูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 218.00 บาท ซึ่งอิงจากวิธี Sum of the Parts (SOTP) ทังนี้ SCC วางแผนที่จะทยอยเริ่มดำเนินการโครงการ Longson Petrochemical (LSP) ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงกันยายน โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม และประกาศดำเนินการเชิงพาณิชย์ของการดำเนินงานขั้นปลายน้ำ และส่วนหนึ่งของการดำเนินงานขั้นต้นน้ำแล้ว โดยบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง 2.2 พันล้านบาทใน 2Q67 ประมาณการว่าการเริ่มดำเนินการของโรงงานทั้งหมดอาจเพิ่มต้นทุนประมาณ 1 พันล้านบาทต่อไตรมาส