ประวัติลุงเอี่ยม วัดไร่ขิง ขอทานเงินล้านผู้ให้ด้วยศรัทธา

เปิดชีวิต “ลุงเอี่ยม” วัดไร่ขิง จากผู้พิการสู่ขอทานเงินล้าน บริจาคช่วยวัดกว่า 2 ล้านบาท แม้ต้องยุติอาชีพเพราะกฎหมาย แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทย
เปิดชีวิต “ลุงเอี่ยม” วัดไร่ขิง ขอทานเงินล้านผู้มีจิตเมตตา
แม้จะเกิดมาพิการ แขนขาลีบตั้งแต่กำเนิด ต้องเผชิญกับความยากจนและไร้พ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก แต่ “ลุงเอี่ยม” หรือ นายเอี่ยม คำภิรานนท์ กลับไม่เคยย่อท้อต่อโชคชะตา ตรงกันข้าม เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของการให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
จากขอทานหน้าวัด สู่ผู้บริจาคเงินล้าน
“ลุงเอี่ยม” ใช้ชีวิตเร่ขายขนมตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก่อนหันมายึดอาชีพขอทานที่วัดไร่ขิง พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม เป็นหลัก เขานั่งบนเก้าอี้เลื่อน ขยับไปตามศาลาและลานวัด บอกบุญด้วยคำพูดสุภาพ นอบน้อม
แม้รายได้จากการขอทานจะไม่มาก แต่เขาเก็บหอมรอมริบด้วยความตั้งใจ จนสามารถนำเงินไปบริจาคให้กับวัดไร่ขิงได้ถึงปีละ 1-2 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงปี 2556 - 2557 ที่ลุงเอี่ยมบริจาค 1 และ 2 ล้านบาทตามลำดับ เพื่อร่วมบูรณะวัดที่ทรุดโทรม
ชีวิตเปลี่ยน หลัง พ.ร.บ.ควบคุมขอทาน
เมื่อปี 2558 รัฐบาลประกาศใช้ พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน ส่งผลให้การขอทานในพื้นที่สาธารณะกลายเป็นสิ่งต้องห้าม ลุงเอี่ยมจึงต้องยุติอาชีพที่ทำมาทั้งชีวิต และย้ายออกจากวัดไร่ขิง
ภายหลัง สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม ได้เข้ามาดูแล จัดหาที่พักใหม่ใกล้วัด พร้อมมอบสิ่งของจำเป็น แต่เนื่องจากลุงเอี่ยมเป็นผู้พิการ ไม่มีญาติดูแล ทำให้การใช้ชีวิตหลังจากนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก
จากการให้...สู่การถูกรับรู้ในฐานะ “คนต้นแบบ”
แม้จะไม่ได้ขอทานอีกต่อไป และไม่มีรายได้แน่นอน ลุงเอี่ยมยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยม ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากสังคม มีรายงานว่าแม้บางครั้งจะไม่มีใครช่วยเหลือ แต่เขากลับไม่รู้สึกเสียใจ เพราะ “เคยให้” มากกว่าที่เคย “รับ”
เขาได้รับการยกย่องจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในฐานะบุคคลต้นแบบผู้เสียสละ แม้เป็นผู้ด้อยโอกาสแต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งสังคม
ท่ามกลางข่าวฉาว เจ้าอาวาส-เงินวัด ชื่อของเขาถูกพูดถึงอีกครั้ง
ในขณะที่สังคมกำลังตั้งคำถามต่อการยักยอกเงินวัดไร่ขิงของอดีตเจ้าอาวาสมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ชื่อของ “ลุงเอี่ยม” ก็กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ในฐานะคนตัวเล็กที่เคยมอบเงินให้วัดด้วยศรัทธาบริสุทธิ์
หากมองให้ลึก เรื่องราวของลุงเอี่ยมอาจเป็น “ภาพสะท้อน” ของความศรัทธาที่แท้จริงในศาสนา และการให้ที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง