สินค้าขึ้นราคา 2565 มีอะไรบ้าง? รับมืออย่างไรไหว!
ข่าววันนี้ สินค้าขึ้นราคา 2565 มีอะไรบ้าง? ปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้คน ที่ต้องเจอ และรับมือ ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายต้องปรับขึ้นราคาด้วยเช่นกัน เพราะแบกรับต้นทุนสูงขึ้นไหม่ไหว ไหนจะรายจ่ายอื่น ๆ อีกมากมาย มาเช็กกันหน่อยว่า ปี 2565 มีสินค้าอะไรบ้าง? ที่มีการปรับราคาแพงขึ้น
สินค้าขึ้นราคา 2565 มีอะไรบ้าง?
สำหรับ ปี 2565 ตั้งแต่หลังช่วงปีใหม่ มีสินค้าที่มีการปรับขึ้นราคา และวันที่ 1 พฤษภาคม วันแรงงานแห่งชาติ เริ่มปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ที่ส่งผลให้สินค้าขึ้นราคา
โดยภาพรวมร้านค้าต่างระบุไปในทิศทางเดียวกันว่าสินค้าทุกรายการทางซัพพลายเออร์ได้ปรับราคาต้นทุนขนส่งและขายปลีกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมนี้คาดว่าจะปรับราคาอีกระลอก
น้ำมันปาล์มขวดแตะ 70 บาท
นายบัญชา คำกิ่ง เจ้าของร้านจำหน่ายอาหารแห้ง กล่าวว่า ตอนนี้สินค้าขึ้นราคาทุกอย่าง โดยเฉพาะน้ำมันพืชปาล์มขวดขนาด 1 ลิตรในเดือนเมษายนปรับขึ้นราคาต้นทุนขนส่ง 2 รอบ หรือขึ้นมา 35 บาทต่อลัง (จำนวน 12 ขวด) จาก 750 บาทต่อลัง เป็น 785 บาทต่อลัง ทำให้ราคาขายปลีกล่าสุดจากเดิม 68 บาท เป็น 70 บาทต่อขวด
“ตั้งแต่สงกรานต์การค้าขายเงียบมาก ยอดขายตกไป 40-50% เพราะเมื่อของแพงขึ้นคนก็ไม่ค่อยซื้อเยอะ หลังสินค้าทยอยปรับราคาขึ้นมาตลอด ซึ่งเมื่อของมาแพงเราก็ต้องขายแพงไปด้วย เช่น น้ำมันพืชปาล์ม แต่สินค้าไหนที่เป็นสินค้าล็อตเก่าเราก็ยังไม่ปรับราคาขายปลีก แต่ถ้าสั่งล็อตใหม่คงต้องปรับตามราคาต้นทุน “นายบัญชากล่าว
นางสำราญเจ้าของร้านจำหน่ายสินค้าทั่วไป กล่าวว่า ขณะนี้สินค้าทุกรายการขึ้นราคาล่วงหน้าไปแล้ว และเดือนพฤษภาคมจะขึ้นอีกหลายรายการ อาทิ นำ้มันพืชขวด 1 ลิตร เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาปรับราคาขายปลีกน้ำมันถั่วเหลืองจาก 65 บาทต่อขวด เป็น 68 ต่อขวด ส่วนน้ำมันปาล์มปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน จาก 68 บาทต่อขวด เป็น 70 บาทต่อขวด หลังจากนี้คาดว่าจะปรับขึ้นอีก
“ของปรับราคาขึ้นตลอดเวลา ไม่มีอะไรที่ไม่ขึ้นเลย จะขึ้นมากขึ้นน้อยเท่านั้นเอง และมีบางสินค้าที่ไม่ขึ้นราคาแต่ลดปริมาณลงก็มี ขณะนี้ ร้านค้ายังพอมีสินค้าล็อตเก่าจะยังไม่ปรับราคา แต่ถ้าสั่งล็อตใหม่ต้องปรับขึ้นแน่นอนตามต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้น ไม่งั้นร้านค้าก็อยู่ไม่ได้ เพราะพอเศรษฐกิจไม่ดี คนซื้อของน้อยลง อย่างที่ร้านรายได้ลดลงถึง 50% “ นางสำราญกล่าว
ซอสปรุงรส-น้ำพริกเผาขึ้นด้วย
นางกัญญา เจ้าของร้านจำหน่ายของแห้งกล่าวเสริมว่า ร้านได้ปรับราคาสินค้าขึ้นเกือบทุกรายการ อาทิ น้ำมันพืชปาล์มขวดขึ้นอีก 4 บาทต่อขวด จาก 65 บาทต่อขวด เป็น 69-70 บาทต่อขวด ซอสปรุงรสทุกขนาดขึ้น 2-3 บาทต่อขวด น้ำพริกเผาขนาด 500 กรัมขึ้น 15 บาท จาก 50 บาท เป็น 65 บาทต่อกระปุก และขนาด 1 กิโลกรัม จาก 105 บาท เป็น 120 บาทต่อกระปุก สินค้าธัญพืชมีปรับขึ้นราคาต้นทุนขนส่งแต่ราคาขายปลีกยังคงเดิม เช่น พริกไทยเม็ดขึ้นอีก 3 บาทต่อขีด ถั่วลิสงดิบขึ้น 3 บาทต่อกิโลกรัม
หอมแดง-พริกแห้งราคาพุ่ง-กระเทียมเริ่มลง
นอกจากนี้ยังมีน้ำปลาร้าขวดขึ้น 2 บาทจาก 15 บาท เป็น 17 บาทต่อขวด พริกแห้งขึ้น 20 บาทต่อกิโลกรัม จาก 120 บาท เป็น 140 บาทต่อกิโลกรัม หอมแดงปรับขึ้น 5 บาท จาก 50 บาท เป็น 55 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนกระเทียมราคาเริ่มปรับลดลงตามฤดูกาล แบบแกะจากเดิม 95 บาท อยู่ที่ 90 บาทต่อกิโลกรัม แบบยังไม่แกะจาก 100 บาท อยู่ที่ 95 บาทต่อกิโลกรัม วุ้นเส้นบรรจุห่อขนาด 500 กรัมขึ้นจาก 65 บาท เป็น 67 บาทต่อห่อ ขนาด 80 กรัม จาก 15 บาท เป็น 16 บาทต่อห่อ กระปิขึ้น 3 บาท จาก 13 บาท เป็น 16 บาทต่อกระปุก เส้นบะหมี่เหลืองขึ้น 2 ครั้งช่วงมกราคมกับเมษายน จาก 20 บาท เป็น 23 บาทต่อถุง(น้ำหนัก 500 กรัม)
“เดือนเมษายนของขึ้นราคาทั้งร้าน หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าพฤษภาคมนี้มีปรับราคาอีก ตอนนี้ที่ยังไม่ปรับราคา เช่น น้ำตาลปี๊บ เส้นหมี่ไวไว ซึ่งจากโควิด ภาวะเศรษฐกิจและของแพงรายวัน ทำให้ขายของยากขึ้น รายได้ลดลง 50% “นางกัญญากล่าว
รง.ขนมจีนอั้นไม่ไหวขึ้น 2 บาท
นางสุภาแม่ค้าขายขนมจีนแป้งหมัก กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากโรงงานผลิตขนมจีนรายใหญ่แห่งหนึ่งว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้จะขึ้นราคาขายส่งขนมจีนอีก 2 บาทต่อกิโลกรัม หลังไม่ได้ปรับราคามาตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งค่าใช้จ่าย วัตถุดิบ ค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า ค่าแรงงาน ค่าภาชนะบรรจุภัณฑ์ เช่น ตะกร้าพลาสติก ฟิล์มปิดขนมจีน ปิดตะกร้าที่มีราคาสูงขึ้น ทำให้ที่ร้านต้องปรับราคาขายปลีกขึ้นตามจาก 20 บาท เป็น 22 บาทต่อกิโลกรัม
ต้นหอม-ผักชี-กระเพรา-ตั้งโอ๋ขึ้นพรวด
น.ส.สมใจแม่ค้าขายผัก กล่าวว่า วันนี้มีผักบางชนิดที่ปรับราคาขึ้นสูง เช่น ผักชีขึ้น 30 บาท จาก 50 บาท เป็น 80 บาทต่อกิโลกรัม ต้นหอมขึ้น 50 บาท จาก 30 บาท เป็น 80 บาทต่อกิโลกรัม แตงกวาขึ้น 3 บาท จาก 15 บาท เป็น 18 บาทต่อกิโลกรัม กระเพราขึ้น 10 บาท จาก 30 บาท เป็น 40 บาทต่อกิโลกรัม ถั่วฝักยาวขึ้น 10 บาท จาก 40 บาท เป็น 50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งโอ๋ ขึ้น 30 บาท จาก 70 บาท เป็น 100 บาทต่อกิโลกรัม พริกสวนขึ้น 20 บาท จาก 100 บาท เป็น 120 บาทต่อกิโลกรัม
“ส่วนที่ราคาทรงตัว เช่น คะน้าอยู่ที่ 20-25 บาทต่อกิโลกรัม ผักกาดขาวอยู่ที่ 20-25 บาทต่อกิโลกรัม และราคาเริ่มลง เช่น กะหล่ำปลี จาก 15 บาท เหลือ 10 บาทต่อกิโลกรัม มะนาว จาก 7-9 บาท เหลือ 3-4 บาทต่อลูก เป็นต้น “นางสมใจกล่าว
พรุ่งนี้หมูจ่อขึ้นราคา ”เนื้อไก่-เนื้อวัว” ทรงตัว
ด้านแม่ค้าหมูรายหนึ่งระบุว่า ราคาหมูจะปรับขึ้นทุกวันพระ ซึ่งวันพระล่าสุดปรับขึ้น 10 บาทต่อกิโลกรัม เช่น เนื้อแดงจาก 165 บาท เป็น 175 บาทต่อกิโลกรัม สามชั้นจาก 190 บาท เป็น 200 บาทต่อกิโลกรัม และในวันพรุ่งนี้( 1 พ.ค.) คาดว่าราคาจะขึ้นอีกเพราะถึงรอบปรับตามวันพระ แต่ยังไม่ได้รับแจ้งจากหน้าฟาร์มจะปรับขึ้นเท่าไหร่ คาดว่าจะไม่เกิน 5-10 บาทต่อกิโลกรัม เท่ากับวันพระที่ผ่านมา
“ราคาที่ขายแทบจะไม่ได้กำไร เพราะต้นทุนจากต้นทางมาแพง และจากภาวะเศรษฐกิจ คนก็ซื้อน้อยลง ทำให้รายได้ของร้านลดลง 30-40%”
นางสมสุขแม่ค้าขายไก่ กล่าวว่า ปัจจุบันราคาเนื้อไก่ยังทรงตัว อาทิ เนื้ออก 90 บาทต่อกิโลกรัม สันใน 95 บาทต่อกิโลกรัม น่อง 75 บาทต่อกิโลกรัม สะโพก 80 บาทต่อกิโลกรัม เช่นเดียวกับแม่ค้าขายเนื้อวัวระบุว่าราคาทรงตัว เช่น เนื้อแดงอยู่ที่ 250 บาทต่อกิโลกรัม
ไข่เยี่ยวม้าขึ้นค่าขนส่ง 5 บาท/กล่อง
ด้านนางสนธยา แม้ค้าขายไข่ไก่ กล่าวว่า ร้านปรับราคาขายขึ้น 3 บาทต่อแผงตามราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มขึ้น 10 สตางค์ต่อฟองเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา โดยราคาไข่ไก่เบอร์ศูนย์อยู่ที่ 4.80 บาทต่อฟอง เบอร์หนึ่ง 4.90 บาทต่อฟอง เบอร์สอง 4.30 บาทต่อฟอง เบอร์สาม 4.2 บาทต่อฟอง เบอร์สี่ 4 บาทต่อฟอง
ส่วนไข่เยี่ยวม้าวันนี้ปรับราคาต้นทุนขายส่งขึ้น 5 บาทต่อกล่อง (จำนวน 50 ลูก) แต่ราคาขายปลีกยังคงเดิม 7 บาทต่อฟอง ขระที่ไข่เค็มขึ้นเกือบ 1 บาท จาก 4.90 บาท เป็น 5.50 บาทต่อฟอง
รับมืออย่างไรไหว? เมื่อสินค้าขึ้นราคา
ทั้งนี้ การปรับตัวของสินค้าต่าง ๆ ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงจึ้น แต่ละครัวเรือนต้องประหยัดในการจับจ่ายใช้สอย พร้อมตั้งตารอภาครัฐออกมาแก้ปัญหาต่าง ๆ สิ่งที่เราทุกคนต้องปรับตัวก่อน เพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น มี 3 เทคนิคที่หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ที่ทุกอย่างเริ่มได้ด้วยตัวเอง
1. กินอาหารอย่าให้เหลือ
ในวันที่เนื้อหมูแพง เนื้อไก่ปรับขึ้นตาม การปรับพฤติกรรมในการบริโภคที่พอดี กินให้ประหยัด ไม่กินทิ้งกินขว้างไม่เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยให้กระบวนการผลิตเนื้อสัตว์ชะลอลงได้ เป็นไปตามกลไกของตลาด
2. ทดแทนสารอาหาร ด้วยเนื้อชนิดอื่น
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราสามารถปรับการบริโภคด้วยตัวเอง แต่ยังได้สารอาหารที่เป็นผลดีต่อร่างกาย และยังเป็นทางเลือกช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้บ้าง
3. เช็คราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ
อีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้ประคับประคองการใช้จ่ายในช่วงนี้ คือ เช็กจุดจำหน่ายเนื้อสัตว์ราคาถูก มีคุณภาพ หรือเปรียบเทียบราคาสินค้าที่มีการจัดโปรโมชั่น เป็นต้น เพราะบางช่วงเวลาได้สินค้าในราคาที่ถูกลง เซฟเงินในกระเป๋าได้บ้าง
และนี่คือสินค้าขึ้นราคา ปี 2565 ที่เราต้องรับมือในการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง จดของที่ต้องซื้อก่อนทุกครั้ง เปรียบเทียบราคาสินค้าให้เป็นนิสัย กินอาหารอย่างพอดีกันนะ และเพื่อน ๆ คนไหนมีวิธีประหยัดค่าใช้จ่าย แวะมาแนะนำกันบ้าง
ข่าวเกี่ยวข้อง :
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
กดเลย >> community แห่งความบันเทิง
ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี