EA พร้อมลุยยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานลม7,000เมกะวัตต์
ทันหุ้น –สู้โควิด –EA พร้อมลุยยานยนต์ไฟฟ้า-พลังงานลม 7,000 เมกะวัตต์ หลังบีโอไอไฟเขียวส่งเสริมกิจการผลิตยานยนต์ EV ด้าน ส.อ.ท. เล็งเสนอแผนพลังงานลม 7000 เมกะวัตต์ ฟาก “อมร ทรัพย์ทวีกุล” ผู้บริหาร EA เผยโรงประกอบแล้วเสร็จในปลายปีนี้ รองรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบ เร่งติดตั้งสถานีชาร์จตามแผน ส่วนธุรกิจ PCM เตรียมส่งของไปญี่ปุ่นล็อตแรก วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้
นางสาวดวงใจ อัศวจิตนจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอ ที่ประชุมเห็นชอบให้เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนการผลิตยานพาหนะไฟฟ้า (อีวี) รอบใหม่ หลังจากหมดระยะเวลาการยื่นคำขอรับการส่งเสริมไปตั้งแต่ปี 2561 โดยในรอบนี้ เปิดให้การส่งเสริมยานพาหนะไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อ รถโดยสารและรถบรรทุก รวมถึงเรือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จากเดิมที่มีการส่งเสริมเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าและรถโดยสารไฟฟ้า
ขณะเดียวกันกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เสนอกระทรวงพลังงาน เพื่อนำเสนอปัญหาและข้อเสนอแนะ เรียกร้อง 5 ข้อให้พัฒนาแผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) โดยหนึ่งในข้อเสนอคือ ประเด็นเรื่องยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้า ภาครัฐควรมีนโยบายส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยเสนอโครงการต้นแบบ รถหัวลากไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเพิ่มเป้าหมายพลังงานลมเป็น 7,000 เมกะวัตต์ กำหนดอัตรารับซื้อที่เหมาะสม และลดขั้นตอนการขอใบอนุญาตและความซ้ำซ้อนลง
*EA พร้อมลุยยานยนต์ไฟฟ้า
ด้านนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่าบริษัทมีความเห็นด้วยอย่างยิ่งสำหรับมาตรการล่าสสุดทั้งในส่วนของบีโอไอ และข้อเสนอแนะของส.อ.ท.ที่จะส่งเสริมเรื่องของกิจการยานยนต์ไฟฟ้า เพราะจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เกิดการใช้หลายได้อย่างแพร่หลายและง่ายขึ้น แต่มองว่าการผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้าน่าจะเกิดขึ้นจะการขนส่งสาธารณะก่อน เพราะมีความพร้อมมากกว่า
ขณะที่บริษัทเองก็เตรียมความพร้อมรอบด้าน ทั้งในส่วนของโรงงานแบตเตอร์รี่ และโรงประกอบรถยนต์ไฟฟ้า ขนาด 3,000 คัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ซึ่งโรงประกอบดังกล่าวสามารถรองรับงานของ ขสมก. ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่บริษัทคาดหวังว่าจะได้ดำเนินการ จากผู้ประกอบการที่ไปเข้าร่วมประมูลด้วย แต่บริษัทก็มีความคาดหวังที่ภาครัฐจะมีมาตรการด้านภาษีมาช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วย ขณะเดียกวันก็มีการเดินหน้าติดตั้งสถานีชาจน์ต่อเนื่อง ปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 600 แห่ง
ส่วนเรื่องของโครงการพลังงานลมที่ ส.อ.ท.เสนอแนะจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 7,000 เมกะวัตต์ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี และบริษัทก็มีความพร้อมในการเข้าไปดำเนินการ ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาพื้นที่แล้วและวัดกำลังลม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม หากมีโครงการที่ผ่านการอนุมัติบริษัทก็จะเข้าไปดำเนินการ
ส่วนธุรกิจอื่นๆ ก็ยังเดินหน้าต่อเนื่อง อย่างธุรกิจ PCM ซึ่งในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 จะมีการส่งมอบสินค้าล็อต แรกสำหรับโรงงานใหม่ให้แก่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้จะมีรายได้ในส่วนนี้เข้ามาต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ปีหน้ารายได้จากกลุ่มยานยนต์ EV ก็จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่งจัดทำธุรกิจปี 2564 ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/2563 จะมีการรายงานผลประกอบการในช่วงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 นี้