'หยวนต้า' สแกน SCCC แนะช่วงเหมาะเข้าลงทุน
#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า สแกน หุ้นบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 185.00 บาท อ้างอิง PER ที่ 14.0 เท่า (-0.6 SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี) ลดลงจากเดิมที่ 15.0 เท่า (-0.5 SD) สะท้อนการเติบโตปี 2568 ชะลอตัวจากฐานกำไรที่สูงขึ้น แม้ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นรวดเร็วจากการประกาศทำคำเสนอซื้อของผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตาม ทิศทางธุรกิจ Q4/67-2568 ยังเติบโตต่อเนื่อง ราคาปัจจุบันหุ้นมี Dividend Yield สูง 5-6% ต่อปี ทางพื้นฐานคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยนักลงทุนอาจรอจังหวะเข้าลงทุนช่วงราคาหุ้นอ่อนตัวหลังสิ้นสุดช่วง Tender Offer วันที่ 2 ต.ค. (คาดประกาศงบการเงิน Q3/67 วันที่ 5 พ.ย.)
สำหรับกำไรสุทธิ Q3/67 ฝ่ายวิจัยว่าจะทำได้ 791 ล้านบาท -9% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล เพราะเป็นฤดูมรสุมของไทยและเวียดนาม ทำให้กิจกรรมก่อสร้างชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลการดำเนินงานยังอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะแผนปิดซ่อมบำรุงเตาเผาปูนลดลงเหลือ 2 แห่ง (vs 3 แห่งใน Q2/67) ขณะที่เทียบกับ Q3/66 คาดกำไรสุทธิเติบโตสูง +79% YoY เพราะไม่มีรายการด้อยค่าสินทรัพย์จำนวนมากเหมือนที่ผ่านมารวมทั้งธุรกิจในเวียดนาม - ศรีลังกาดีขึ้นต่อเนื่องตามปัจจัยมหภาค และรับรู้ประโยชน์จากการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในช่วงที่ผ่านมา
แนวโน้ม Q4/67 เร่งตัวขึ้น ทิศทางปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง โดย Q4/67 คาดกำไรฟื้นตัว QoQ จากความต้องการใช้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลหลังผ่านช่วงมรสุม และกิจกรรมซ่อมแซมหลังเหตุการณ์น้ำท่วม รวมทั้งไม่มีแผนปิดซ่อมบำรุงเตาเผาปูนซีเมนต์ มองข้ามไปปี 2568 ทิศทางผลการดำเนินงานขยายตัวต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจาก 1) เห็นผลบวกจากการอนุมัติงบประมาณภาครัฐชัดเจนขึ้น 2) การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในเวียดนาม เช่น สนามบินทางด่วน ฯลฯ 3) อุปสงค์ในศรีลังกาปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มมีเสถียรภาพ 4) อัตรากำไรสูงขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต, เพิ่มสัดส่วนเชื้อเพลิงทางเลือก, เร่งเพิ่มสัดส่วนสินค้า Low Carbon Cement
ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2567-68 ขึ้น 16% เป็น 3.7 พันล้านบาท (+39% YoY) และขึ้น 14% เป็น 3.9 พันล้านบาท (+5% YoY) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานช่วง 1H67 ที่ดีกว่าคาด (สาเหตุหลักมาจากอัตรากำไร) โดยปรับสมมติฐาน EBITDA Margin ขึ้นเป็น 23-23.2% ตามลำดับ (vs เดิม 20.7-21.8%)
นอกจากนี้ ประมาณการของฝ่ายวิจัย ยังไม่รวมผลของการทำคำเสนอซื้อหุ้น LANNA และ TAE (ปัจจุบันถือหุ้น 45% และ 4.7% ตามลำดับ และจะสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อวันที่ 2-9 ต.ค.นี้ อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.ย. มีผู้แสดงเจตนาขาย 4.1% และ 0% ตามลำดับ) ความสำเร็จของ Tender Offer ดังกล่าวจะทำให้ SCCC รับรู้ผลการดำเนินงาน LANNA TAE ตามสัดส่วนสูงขึ้น
โดยหากสัดส่วนถือหุ้นเพิ่มขึ้นถึงระดับเปลี่ยนสถานะจากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อย (Reclassification) อาจทำให้ต้องตีมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนดังกล่าวใหม่ และมีโอกาสบันทึกกำไร/ขาดทุนพิเศษทางบัญชีในงบ Q4/67