จากคนไร้บ้าน สู่การมีรายได้ เปิดเรื่องราวความสำเร็จของ ‘ชูมณี’
—----------------------------------------
ในยุคที่การแสวงหากำไรถูกตั้งคำถาม? บริษัท ชูมณี จำกัด ภายใต้การนำของ นายกวิน นิทัศนจารุกุล กลับพิสูจน์ให้เห็นว่า ธุรกิจสามารถเติบโตควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้สังคมได้อย่างยั่งยืน ผ่านโครงการที่มุ่งเปลี่ยนชีวิตคนไร้บ้าน พร้อมด้วยระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและเปิดรับการตรวจสอบ
ชวนผู้อ่าน ร่วมเปิดม่าน รู้จักกับที่มาและความสำเร็จของ "ชูมณี" ธุรกิจเพื่อสังคมแห่งความโปร่งใส ที่ก้าวข้ามขีดจำกัด และมุ่งมั่นสร้างธุรกิจที่สร้างกำไรควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาสังคมอย่างแท้จริง
มากกว่าธุรกิจ แต่คือโอกาสใหม่สำหรับคนไร้บ้าน
"เราอยากจะทำกำไรไปด้วย พร้อมกับการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสังคม"
นี่คือคำกล่าวที่สะท้อนความตั้งใจ ของผู้บริหารหนุ่มวัย 39 ปี ในการดำเนินธุรกิจไม่ใช่เพียงเพื่อผลตอบแทนทางการเงินแต่เพื่อสังคมโดยรวม
นายกวิน นิทัศนจารุกุล เล่าถึง จุดเริ่มต้นของการริเริ่มโครงการต่าง ๆ เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวของตนเอง เมื่อเขาได้มีโอกาสเข้าใกล้และเข้าใจปัญหาของ ‘คนไร้บ้าน’ มากขึ้น เขาตระหนักว่าการขาดแคลนเรื่องพื้นฐานอย่างเสื้อผ้าสะอาดและที่อาบน้ำ เป็นปัญหาใหญ่สำหรับกลุ่มคนเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ ชูมณี จึงริเริ่ม โครงการรถซักผ้าเคลื่อนที่ เพื่อเข้าไปให้บริการที่พื้นฐานที่สุด แต่กลับเป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างมากสำหรับคนกลุ่มนี้
ในระยะแรก นายกวิน เล่าว่า ตนเองเคยมีความรู้สึกกลัว ‘คนไร้บ้าน’ เนื่องจากเขาไม่คุ้นเคยและรู้สึกว่าสภาพของพวกเขาไม่สะอาด แต่เมื่อได้เข้าไปใกล้ชิดและรู้จักพวกเขามากขึ้น ความรู้สึกนั้นก็เปลี่ยนไป "เราก็รู้สึกว่า เขาเป็นแค่คนที่ขาดโอกาส มันไม่ใช่เรื่องที่เขาเลือกจะเป็นแบบนั้น" นายกวินกล่าว
การเข้าใกล้ชิดและทำความเข้าใจประสบการณ์ของ ‘คนไร้บ้าน’ นั้น นำไปสู่การริเริ่ม ‘โครงการรถซักผ้าเคลื่อนที่’ ของชูมณี ที่มุ่งให้บริการที่อาบน้ำและซักผ้าให้แก่ ‘คนไร้บ้าน’ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ชูมณี ธุรกิจเพื่อสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยความโปร่งใส
นายกวิน ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการบริหารจัดการองค์กร เขาเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเพื่อสังคมอย่าง "ชูมณี" ประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างยั่งยืน คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริจาคที่สนับสนุนการดำเนินงานขององค์กร
เขาอธิบายว่า การจัดตั้งองค์กรในรูปแบบของ ธุรกิจเพื่อสังคม จะทำให้มีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจที่ดีกว่าองค์กรการกุศลทั่วไป ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริจาค ว่าเงินของพวกเขาจะถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามวัตถุประสงค์
นอกจากนี้ ชูมณี ยังมีระบบการรายงานผลการดำเนินงานและการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่โปร่งใส เพื่อให้ผู้บริจาคและสาธารณชนสามารถตรวจสอบและติดตามการทำงานขององค์กรได้อย่างสม่ำเสมอ
การเลือกดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Social Enterprise: SE ควบคู่ไปกับการสร้างกลไกการตรวจสอบและความโปร่งใสที่เข้มแข็ง จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ชูมณี ได้รับความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากผู้บริจาค ซึ่งนับเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำพาให้องค์กรเติบโตและสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ป.ป.ช.: หลักประกันความโปร่งใสของธุรกิจเพื่อสังคม
นายกวิน นิทัศนจารุกุล ให้ความสำคัญกับบทบาทของหน่วยงานอิสระอย่าง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจเพื่อสังคมอย่าง "ชูมณี" ที่เขาดำเนินการอยู่
นายกวิน กล่าวว่า เขาเชื่อว่าการมีองค์กรอิสระที่เข้มแข็งและเที่ยงธรรม อย่าง ป.ป.ช. จะช่วยสร้างหลักประกันให้กับสาธารณชนว่าภาคธุรกิจจะดำเนินงานอย่างสุจริตและปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน
นอกจากบทบาทในการตรวจสอบแล้ว นายกวิน ยังมองว่า ป.ป.ช. ยังเป็นพันธมิตรสำคัญที่จะช่วยให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีของภาคเอกชน
นายกวิน เชื่อมั่นว่า การที่ภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจเพื่อสังคมอย่าง ชูมณี ให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดและเปิดรับการตรวจสอบจากหน่วยงานอย่าง ป.ป.ช. จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือขององค์กร และจะส่งผลดีต่อการสร้างความไว้วางใจและการสนับสนุนจากสังคม
"การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและพร้อมให้ตรวจสอบโดยเฉพาะจากหน่วยงานอิสระอย่าง ป.ป.ช. จะเป็นการวางรากฐานที่สำคัญให้กับการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจเพื่อสังคมอย่างพวกเรา" นายกวินกล่าวทิ้งท้าย
ความภาคภูมิใจของพนักงาน สู่ความยั่งยืนของธุรกิจ
นอกจากความโปร่งใสในการบริหารจัดการแล้ว ชูมณี ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความภาคภูมิใจให้กับพนักงานในการมีส่วนร่วมทำความดีเพื่อสังคม
"การที่เราเป็นตัวอย่างให้เขาดู มันมากกว่าการที่เราพูดให้เขาทำ
เราก็เชื่อว่า การเป็นตัวอย่างของคนที่เป็นผู้นำองค์กร นอกจากการที่เราพูดตลอดว่าเราเชื่อมั่นในเรื่องอะไร วิสัยทัศน์ของบริษัทเราเป็นยังไงแล้ว การทำให้ดู เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด แล้วก็เข้าถึงหัวใจของพนักงานได้มากที่สุด"
ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างองค์กรที่ทำความดีเพื่อสังคม และการวางระบบการตรวจสอบที่โปร่งใส นายกวิน เชื่อว่า ชูมณี จะสามารถสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับองค์กรอื่นๆ ที่ต้องการสร้างธุรกิจเพื่อสังคมอย่างแท้จริง
จากคนไร้บ้าน สู่การมีรายได้: เรื่องราวความสำเร็จของชูมณี
ในยุคที่การทำธุรกิจเพื่อสังคมกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น บริษัท ชูมณี จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่โดดเด่นในด้านการสร้างผลลัพธ์และผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
"เราไม่ได้ใส่ใจเพียงแค่ Output หรือผลผลิตเท่านั้น แต่เรามุ่งเน้นไปที่ Outcome หรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง" นายกวิน อธิบายว่า ชูมณีให้ความสำคัญกับการวัดผลสำเร็จของโครงการต่างๆ ผ่านตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม เช่น จำนวนคนไร้บ้านที่สามารถกลับมามีงานทำและสร้างรายได้ให้กับตนเองได้ ผ่านโครงการต่างๆ ขององค์กร
หนึ่งในโครงการสำคัญของชูมณี คือ โครงการรถซักผ้าเคลื่อนที่ ที่มีเป้าหมายในการสร้างอาชีพให้กับผู้ที่เคยเป็นคนไร้บ้าน "ผ่านการเริ่มต้นจากการซักผ้าของเรา เราสามารถช่วยให้คนจำนวนมากมีรายได้และกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ" นายกวินกล่าว
นอกจากผลลัพธ์แล้ว ชูมณียังให้ความสำคัญกับผลกระทบในวงกว้างหรือ Impact ที่เกิดขึ้นต่อสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม "จากการที่มีโครงการนี้เกิดขึ้น และมีคนสามารถเลี้ยงตัวเองได้ มันสามารถช่วยลดงบประมาณของประเทศที่จะต้องนำมาอุดหนุนคนไร้บ้านได้เป็นจำนวนมาก" นายกวินอธิบาย
ความสำเร็จของ ชูมณี สะท้อนให้เห็นผ่านตัวเลขที่เป็นรูปธรรม
"เราสามารถจ้าง คนไร้บ้าน ผ่านโครงการจ้างงานของมูลนิธิกระจกเงาได้เป็นหลักร้อยคน และหลายคนในจำนวนนั้นตอนนี้มีรายได้และสามารถกลับมาอยู่ในสังคมได้ตามปกติ" นายกวินกล่าว ด้วยความภาคภูมิใจ
อย่างไรก็ดี การดำเนินธุรกิจเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางเช่น คนไร้บ้าน ก็มักถูกตั้งคำถามถึงเจตนาที่แท้จริงอยู่เสมอ ซึ่งนายกวินมองว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
สำหรับแผนในอนาคต นายกวิน เผยว่าเขาตั้งใจจะขยายโครงการรถซักผ้าเพื่อคนไร้บ้านให้ครอบคลุมมากขึ้นเรื่อยๆ "เราจะสร้างรถซักผ้าให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีคนไร้บ้านเหลืออยู่บนท้องถนนอีกต่อไป" เขากล่าวทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่น
จากผลงานที่ผ่านมา จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าในอนาคต ชูมณี ในฐานะธุรกิจเพื่อสังคมที่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์และผลกระทบอย่างแท้จริง จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมไทยได้มากขนาดไหน