รีเซต

ทางตัน ‘ทักษิณ’ ม.112–ภาษีหุ้นชินฯ ฉุดบทบาทหลังฉาก สั่นยุทธศาสตร์เพื่อไทยปี 69

ทางตัน ‘ทักษิณ’ ม.112–ภาษีหุ้นชินฯ ฉุดบทบาทหลังฉาก สั่นยุทธศาสตร์เพื่อไทยปี 69
TNN ช่อง16
19 พฤศจิกายน 2568 ( 11:56 )
8

ทักษิณ ชินวัตร สองคดีใหญ่ที่กำลังเปลี่ยนสมการการเมืองไทย

สถานการณ์ทางคดีของ “ทักษิณ ชินวัตร” ในปี 2568 ขยับเข้าสู่จุดที่มีผลต่ออนาคตการเมืองไทยอย่างชัดเจน หลังอดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศในปี 2566 และเริ่มรับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม สังคมเคยคาดว่าการพิจารณาพักโทษในฐานะผู้สูงอายุอาจเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น แต่แรงกระแทกจาก สองคดีใหม่ คือ คดีมาตรา 112 และ คดีภาษีหุ้นชินคอร์ป ทำให้ความเป็นไปได้นี้ถูกเลื่อนออกอย่างไม่มีกำหนด พร้อมเปิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตพรรคเพื่อไทยและอิทธิพลของทักษิณในโครงสร้างอำนาจหลังฉาก

คดีมาตรา 112 จุดเริ่มจากบทสัมภาษณ์เก่า สู่ความซับซ้อนทางกฎหมายใหม่

คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของทักษิณไม่ได้เริ่มในปีนี้ แต่ย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 ขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลี Chosun Media ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงการเมืองไทยและการรัฐประหาร ภายหลังเจ้าหน้าที่ไทยตีความว่ามีถ้อยคำเข้าข่ายมาตรา 112 และผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่งผลให้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา แม้ทักษิณไม่อยู่ในประเทศช่วงนั้น คดีก็ยังถูกตั้งไว้และเดินหน้าตามขั้นตอนของอัยการจนถึงชั้นศาลในปี 2568

กลางปี 2568 ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพิเคราะห์ว่าไม่เข้าองค์ประกอบความผิด แต่เหตุการณ์พลิกผันล่าสุด หลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งอุทธรณ์ แม้คณะกรรมการสำนวนเดิมลงมติ ไม่ให้อุทธรณ์ ถึง 8 ต่อ 2 เสียง การพลิกท่าทีของอัยการที่สูงกว่าในโครงสร้างองค์กร ทำให้คดีกลับมาอยู่ในวงจรความไม่แน่นอนอีกครั้ง และยังทำให้ทักษิณไม่เข้าเกณฑ์พักโทษโดยอัตโนมัติ เพราะกฎหมายกำหนดว่าผู้ต้องโทษที่ “ยังมีคดีรอตัดสิน” จะไม่ได้รับสิทธินี้

สำหรับศาลชั้นอุทธรณ์ คดีนี้เป็นมากกว่าคดีอาญา เพราะเกี่ยวพันกับความเชื่อมั่นต่อการทำงานของกระบวนการยุติธรรม และสร้างข้อถกเถียงในหมู่ผู้สังเกตการณ์ว่าความเคลื่อนไหวของอัยการเป็นเพียงการใช้ดุลยพินิจตามกฎหมาย หรือมีแรงกดดันทางการเมืองทับซ้อนอยู่เบื้องหลัง

คดีภาษีหุ้นชินคอร์ป ดีลประวัติศาสตร์ 7.3 หมื่นล้านที่ย้อนกลับมาคิดบัญชี

กรณีภาษีหุ้นชินคอร์ปเป็นอีกคดีที่เกิดจากเหตุการณ์ในอดีต แต่เพิ่งมาถึงบทสรุปใหม่ในปี 2568 จุดเริ่มต้นเกิดจากการขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กของสิงคโปร์ในปี 2549 ด้วยมูลค่ามากกว่า 73,000 ล้านบาท ซึ่งมีผลต่อทั้งการเมืองไทยและเศรษฐกิจในตอนนั้น ต่อมากรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากการโอนหุ้นจำนวน 17,600 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่าการโอนหุ้นผ่านบุตรของทักษิณไม่ใช่เหตุยกเว้นภาษี

คดีนี้เดินทางยาวหลายปี ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เคยมีคำพิพากษาเข้าข้างทักษิณ แต่ศาลฎีกากลับมองต่างและพลิกคำพิพากษาในเดือนพฤศจิกายน 2568 ให้ต้องเสียภาษีเต็มจำนวนพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม งบประมาณที่ต้องชำระอาจแตะหลักหลายหมื่นล้าน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อฐานทรัพย์สินของตระกูลชินวัตรและอาจกระทบต่อความแข็งแรงของเครือข่ายทางการเมืองที่พึ่งพาทุนกลุ่มนี้เป็นฐานสนับสนุน

การที่คำพิพากษาศาลสูงสุดออกมาในช่วงที่พรรคเพื่อไทยอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเมือง ทำให้หลายฝ่ายจับตาว่าคดีภาษีเป็นหนึ่งในตัวแปรใหม่ที่ลดอำนาจต่อรองของกลุ่มชินวัตรลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในมิติพรรคการเมืองและเครือข่ายธุรกิจที่เคยถือเป็นพลังสำคัญของค่ายเพื่อไทย

คดีเก่าในอดีต เงาที่ทอดยาวมาถึงปัจจุบัน

ตลอดเส้นทางหลังปี 2549 ทักษิณมีคดีติดตัวหลายคดี ตั้งแต่หวยบนดิน คดีที่ดินรัชดา คดีปล่อยกู้ EXIM Bank คดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ไปจนถึงคดีกรุงไทย–กฤษดามหานคร หลายคดีถูกตัดสินไปแล้ว บางคดีหมดอายุความ หรือจบด้วยคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อเขากลับไทยในปี 2566 คำพิพากษาที่เหลือถูกรวมโทษแล้วนำไปสู่การเข้าเรือนจำ แม้มีการลดโทษตามหลักเกณฑ์ แต่สถานการณ์กลับไม่คลี่คลายเพราะสองคดีใหม่ที่เสริมแรงขึ้นพร้อมกันในปี 2568

ผลกระทบทางการเมืองและยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย

การมีคดีค้างอยู่ไม่เพียงทำให้ทักษิณไม่เข้าเงื่อนไขพักโทษ แต่ยังทำให้บทบาทของเขาในเวทีการเมือง–แม้ในลักษณะการให้คำแนะนำหลังฉาก–อยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่ชัดเจน พรรคเพื่อไทยซึ่งหลายคนเชื่อว่ายังพึ่งพา “อิทธิพลเชิงยุทธศาสตร์” จากทักษิณ จึงต้องเผชิญสถานการณ์ทั้งด้านภาพลักษณ์และความสามารถต่อรอง แม้จะมีรัฐบาลผสมและอำนาจบริหารในมือ แต่แรงเสียดทานจากคดีส่งผลต่อความเชื่อมั่นของฐานเสียงบางส่วน และยังเปิดช่องให้ฝ่ายค้านตั้งคำถามเชิงความชอบธรรมในการบริหารประเทศ

ด้านเศรษฐกิจ คดีภาษีมีนัยต่อโครงสร้างทุน เพราะเป็นตัวอย่างสำคัญในการใช้โครงสร้างถือหุ้นผ่านเครือญาติและบริษัทนอกประเทศ ขณะที่คดี 112 ถูกจับตามองจากสื่อต่างประเทศว่าเกี่ยวพันกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและความเป็นอิสระของอัยการไทย สองคดีนี้จึงเป็นตัวชี้วัดที่หลายฝ่ายใช้ประเมินเสถียรภาพของรัฐบาลและทิศทางของพรรคเพื่อไทยในช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2569

จุดรอยต่อสำคัญของการเมืองไทยยุคใหม่

เมื่อรวมทุกคดีเข้าด้วยกัน สถานการณ์ของทักษิณในปี 2568 ไม่ได้หยุดอยู่แค่การตัดสินของศาล แต่ส่งผลต่อโครงสร้างการเมืองไทยในหลายระดับ คดีมาตรา 112 ผูกเข้ากับสิทธิผู้ต้องโทษและบทบาททางการเมือง ส่วนคดีภาษีหุ้นชินคอร์ปผูกเข้ากับทรัพย์สิน เครือข่ายทุน และความเข้มแข็งของค่ายการเมืองที่เขาสนับสนุน ทั้งคู่กลายเป็นกลไกสำคัญที่กำลังกำหนดทิศทางใหม่ของการเมืองไทยในปีต่อจากนี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง