รีเซต

เทือกเขา “เซียร์ราเนวาดา” ไร้น้ำแข็งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และอาจหายไปตลอดกาล

เทือกเขา “เซียร์ราเนวาดา” ไร้น้ำแข็งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และอาจหายไปตลอดกาล
TNN ช่อง16
9 ตุลาคม 2568 ( 10:00 )
8

งานวิจัยใหม่เผยว่า ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ในเทือกเขา “เซียร์ราเนวาดา” ของรัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังละลายและมีแนวโน้มจะหายไปทั้งหมดภายในต้นศตวรรษหน้า ทำให้ยอดเขาจะไร้น้ำแข็งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์


ธารน้ำแข็งในเทือกเขานี้มีอายุยาวนาน บางแห่งอยู่มาตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย ซึ่งนานหลายหมื่นปี งานวิจัยตีพิมพ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในวารสาร Science Advances ระบุว่าประวัติศาสตร์ธารน้ำแข็งที่สร้างขึ้นใหม่บ่งชี้ว่า การไม่มีธารน้ำแข็งในเซียร์ราเนวาดาจะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่มีมนุษย์อาศัยอยู่ในอเมริกาเมื่อราว 20,000 ปีก่อน


การละลายของธารน้ำแข็งเป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก ในเดือนพฤษภาคมปี 2568 งานวิจัยพบว่าธารน้ำแข็งเกือบ 40% มีแนวโน้มละลายเพราะภาวะโลกร้อน หากอุณหภูมิเฉลี่ยโลกเพิ่มขึ้น 2.7°C ซึ่งปัจจุบันเกิดขึ้นจริงแล้ว ธารน้ำแข็งมากถึง 75% มีแนวโน้มที่จะหายไป ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและเกิดการอพยพครั้งใหญ่

ในฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ธารน้ำแข็งได้หดตัวอย่างมากตั้งแต่ถูกบันทึกครั้งแรกในปลายศตวรรษที่ 19 งานวิจัยล่าสุดมุ่งเน้นที่ ธารน้ำแข็ง 4 แห่ง ได้แก่ Conness, Maclure, Lyell และ Palisade ซึ่งถือเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเทือกเขา การมีอยู่ของธารน้ำแข็งเหล่านี้ทำให้เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการศึกษาการสูญหายของธารน้ำแข็งในฝั่งตะวันตกของอเมริกา


นักวิจัยเก็บตัวอย่างหินที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาใกล้ธารน้ำแข็งเพื่อตรวจสอบระยะเวลาที่พื้นที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง พบว่าธารน้ำแข็งเหล่านี้ปกคลุมพื้นที่หลายแสนไร่มาตั้งแต่ก่อนมนุษย์อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ธารน้ำแข็งบางแห่งเคยขยายตัวสูงสุดเมื่อราว 30,000 ปีก่อน และมีธารน้ำแข็งแห่งหนึ่งขยายตัวเมื่อ 7,000 ปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าที่นักวิจัยเคยคาดการณ์

การละลายของธารน้ำแข็งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์สะท้อนถึง ผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อระบบนิเวศของพืชและสัตว์เท่านั้น แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากธารน้ำแข็งเป็นเอกลักษณ์ของภูมิทัศน์ตะวันตกของสหรัฐอเมริกา


งานวิจัยชี้ว่า การละลายของธารน้ำแข็งจะทำให้ยอดเขาและพื้นที่รอบ ๆ ขาดน้ำจากการละลายธารน้ำแข็ง ซึ่งกระทบต่อ ระบบนิเวศและการจัดการน้ำ ในพื้นที่หลายแสนไร่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน


นักวิจัยสรุปว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็น ตัวอย่างชัดเจนที่จับต้องได้จริงของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และเน้นว่าโลกกำลังเผชิญความท้าทายที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อป้องกันผลกระทบต่อทั้งระบบนิเวศและชีวิตมนุษย์ในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง