STARK โอกาสเทรดวอร์ ลุยเจาะตลาดสหรัฐQ4นี้
ทันหุ้น-สู้โควิด- STARK ได้โชคสงครามการค้า เตรียมเสียบตลาดใหญ่สหรัฐแทนจีน ขึ้นโอกาสมาถึงแล้ว ระบุจีนต้องเสียภาษีนำเข้า 20-25% ส่วนบริษัทเสียภาษีแค่ 3-5% ขณะที่ราคาขายแข่งขันได้ พร้อมเดินหน้ากระจายฟรีโฟลตปีนี้ให้ได้ตามเกณฑ์หวังเข้า SET50ชี้กองทุนสนใจเหตุลงทุนเวียดนามจีดีพีโตหนึ่งเดียวในอาเซียน แย้มไตรมาส 4 เดินหน้ารับงานเพียบ
แหล่งข่าวในวงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เตรียมที่จะส่งออกสินค้าสายไฟไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาเพื่อทดแทนสินค้าจีน หลังสงครามการค้าได้ส่งผลให้จีนมีต้นทุนจากอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 20-25% ขณะที่บริษัทจะส่งผลสายไฟทั้งจากไทยและเวียดนาม โดยมีอัตราภาษีนำเข้าเพียง 3-5% เท่านั้น ซึ่งในส่วนราคาสินค้านั้นบริษัทสามารถแข่งขันได้ แต่ด้วยช่วงที่ผ่านมาจีนได้เข้าครองตลาดก่อน ทำให้บริษัทได้เน้นการเน้นขยายตลาดในโซนอื่น ซึ่งทำให้สามารถส่งออกได้หลายประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตามจากการที่จีนต้องเสียอัตราภาษีเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะเข้าไปทดแทนสินค้าจากจีนในตลาดอเมริกา ซึ่งจะเห็นคำสั่งซื้อเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ หรือ ไตรมาส 1 ปี 2564 โดยตลาดสหรัฐอมเริกาถือว่าเป็นตลาดใหญ่ที่คงที่แล้ว ดังนั้นการเข้าไปเจาะตลาดนี้ได้จะส่งผลดีกับบริษัทค่อนข้างมาก ประเมินในช่วง 2 ปีจากนี้ จะมียอดขายในสหรัฐแตะ 100-200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.1-6.3 พันล้านบาท
@กองทุนสนใจ
ล่าสุด STARK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า จะกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต) ของบริษัทได้ตามหลักเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ภายในสิ้นปี 2563 ขณะนี้บริษัท กำลังหารือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งได้แก่ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ และ Stark Investment Corporation Limited เกี่ยวกับแนวทางในการเพิ่มการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอาจรวมถึงการขายหุ้นในบริษัทโดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่
แหล่งข่าว ระบุถึงเรื่องนี้ว่า การกระจายฟรีโฟลต บริษัทมีความตั้งใจที่จะเข้า SET50 ขณะนี้มีกองทุนให้ความสนใจในบริษัทอยางมาก เนื่องจากบริษัทได้เข้าไปลงทุนประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นเพียงชาติเดียวในอาเซียนที่มีจีดีพีเติบโตได้ในปีนี้ ทำให้นักลงทุนโฟกัสธุรกิจในเวียดนาม โดยในช่วงไตรมาส 4 นี้ ทางเวียดนามจะมีการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านสายส่งค่อนข้างมาก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้ให้สัญญารับซื้อไฟฟ้าออกมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในด้านสายส่งจะต้องรองรับอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันรัฐบาลเวียดนาม เป็นหนึ่งในประเทศที่มีเงิน เนื่องจากมีการลงทุนค่อนข้างมาก ทำให้ในการจ่ายเงินรวดเร็ว
@มาร์จิ้นเพิ่ม
สำหรับ 2 บริษัทสายไฟในเวียดนาม Thipha Cables และ Dovina ขณะนี้ได้ทยอยส่งทีมเข้าไปรับฐานซัพพลายเชน ด้านต้นน้ำ นำวัตถุดิบไปผลิตเส้นลวดทองแดงที่เวียดนาม ส่งผลให้สามารถประหยัดต้นทุนค่าพลังงานและค่าแรงได้มากพอสมควร นอกจากนี้ก็ยังเตรียมเสริมระบบการขายสายไฟไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ขณะที่สายไฟชนิดพิเศษ สายหุ้ม ที่มีมาร์จิ้นสูงก็จะมีผลิตเป็นจำนวนมากในช่วงไตรมาส 4 จากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นหลังเข้าซื้อกิจการเวียดนาม ประเมินว่า มาร์จิ้นมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกราว 10%