"GCAP GOLD" ประเมิน "ราคาทอง" แค่พักฐาน ลุ้นดีดกลับ 54,000 บาท "ภาษีสหรัฐฯ" ยังไม่นิ่ง หนุนดีมานด์สูง

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย นักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำสัปดาห์นี้อยู่ในช่วงของการปรับฐาน หลังจากราคาทองพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะไม่แน่นอน แม้สัญญาณบางด้านจะผ่อนคลายลง โดยเฉพาะบรรยากาศการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะดีขึ้น
แต่เศรษฐกิจโลกยังเผชิญแรงกดดันจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น GDP สหรัฐฯ ที่หดตัวในไตรมาสแรก, เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ทองคำ ยังคงอยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าลงทุนต่อเนื่อง
ส่วนนโยบายการเงิน มองว่า ตลาดเริ่มออกมาคาดการณ์ว่า เฟด อาจลดดอกเบี้ยลงได้ถึง 1% ในปีนี้ และหากเป็นจริงตามที่ประเมินจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะติดลบมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากจะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการถือครองทองคำ เมื่อเทียบกับตราสารหนี้
“ภาพรวมการลงทุนทองคำในไตรมาสแรก ชี้ให้เห็นว่าความต้องการทองคำทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะฝั่งนักลงทุน ซึ่งมีการเข้าซื้อทองคำผ่าน ETF อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ธนาคารกลางยังซื้อทองต่อเนื่อง แม้ความต้องการทองรูปพรรณจะลดลงบ้างเพราะราคาสูง แต่ผู้บริโภคกลับไม่เร่งขายทองรีไซเคิล ซึ่งสะท้อนว่าความคาดหวังต่อราคายังเป็นขาขึ้น”
ดังนั้น ทาง GCAP GOLD จึงยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดทองคำในระยะกลาง โดยมองกรอบราคาที่ 3,000–3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นระดับที่น่าจับตาสำหรับการเข้าซื้อ ทั้งนี้สำหรับราคาทองคำไทยแนะนำให้ทยอยเข้าเก็บตามระดับราคา 50,300/49,000 บาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังมีมุมมองต่อกรณีเรื่องอัตราดอกเบี้ยต่ำ เงินเฟ้อสูง ว่าประเด็นดังกล่าวยังไม่จบง่าย ๆ ในปีนี้ โดยการปรับฐานในรอบนี้อาจไม่ใช่สัญญาณจบรอบ แต่เป็นเพียงการพักฐาน ก่อนเริ่มต้นขาขึ้นรอบใหม่สู่ระดับเป้าหมาย 3,600 ดอลลาร์ในระยะกลาง ซึ่งราคาทองคำไทยอาจจะอยู่ราวๆ 54,000 บาท ยิ่งหากเงินบาทอ่อนค่ามาช่วยก็อาจจะได้ลุ้นการเห็นทองคำกลับขึ้นไปแตะระดับ 55,500 บาท ได้อีกครั้ง