ทรัมป์เผยเจรจาจีนที่เจนีวา มีหลายเรื่องตกลงกันได้ ชี้เป็นการ “รีเซ็ตใหม่ทั้งหมด”
ทรัมป์เผยเจรจาระดับสูงกับจีนที่เจนีวา มีหลายเรื่องตกลงกันได้ ชี้เป็นการ “รีเซ็ตใหม่ทั้งหมด”
การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากจัดการประชุมระดับสูงครั้งแรกที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำสหประชาชาติ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อคลี่คลายสงครามการค้าที่หวั่นว่าจะส่งผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้รายงานข่าวระบุว่าการประชุมดังกล่าวนี้สิ้นสุดลงราว 20.00 น. วันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 1.00 น. วันอาทิตย์ (11 พฤษภาคม 2568 ) ตามเวลาประเทศไทย ทั้งนี้ภายหลังประชุมยังไม่มีหน่วยไหนจากประเทศใดออกมาแถลงถึงผลการหารือหรือความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น
ขณะที่"ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ" ได้ออกมาชื่นชมการเจรจากับจีนที่สวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันเสาร์ (10 พฤษภาคม 2568 ) โดยระบุว่าเป็นการ “รีเซ็ตใหม่ทั้งหมด” ในความสัมพันธ์ของสองมหาอำนาจ ด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรและสร้างสรรค์
ทรัมป์โพสต์ผ่านทรูธโซเชียล (Truth Social) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า “เป็นการประชุมที่ดีมากกับจีนวันนี้ ที่สวิตเซอร์แลนด์ มีการหารือหลายเรื่อง และหลายเรื่องก็ตกลงกันได้”
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงความต้องการให้จีนเปิดตลาดแก่ธุรกิจอเมริกันมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย และเน้นย้ำว่า “มีความคืบหน้าอย่างยอดเยี่ยม” แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในการเจรจาวันแรก "เหอ หลี่เฟิง" รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้หารือราว 8 ชั่วโมงกับ "สก็อตต์ เบสเซนต์" รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และ "เจมีสัน กรีเออร์" ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ นับเป็นการพบหน้ากันครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสองฝ่าย นับตั้งแต่วันที่ทั้งสองประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกได้ตอบโต้กันด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของอีกฝ่ายในอัตราสูงกว่า 100%
อย่างไรก็ตามเพียงหนึ่งวันก่อนการประชุมสองฝ่ายจะเริ่มขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวในวันศุกร์ (9 พฤษภาคม 2568 ) ว่า การลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลงเหลือ 80% เป็นระดับที่“ดูเหมาะสม”
ทรัมป์ยังโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า จีนควรเปิดตลาดให้กับสินค้าอเมริกัน โดยเฉพาะการพบปะกันครั้งนี้ที่ป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองฝ่ายพบหน้ากันหลังจากที่ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 145%
ทั้งนี้แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า ประธานาธิบดีจะไม่ยอมลดภาษีฝ่ายเดียว โดยทรัมป์ต้องการเห็นการยอมอ่อนข้อจากจีนด้วยเช่นกัน