ปิดประตูตีจีน "Temu - Shein" กลายเป็นร้านขายของแพงทันที เมื่อเจอ"ภาษีทรัมป์"

สั่งสินค้าซื้อของจากจีนเป็นเรื่องง่ายสำหรับยุคนี้
ผ่าน E-Commerce หลายเจ้าที่มีให้เลือกมากมาย
อาจจะต้องรอนานหน่อย แต่ว่าราคาถูกแสนถูก
รวมไปถึงอเมริกาก็มี ชีอิน (Shein) และ เทมู (Temu ) ที่เป็นที่นิยม
แต่จับตาให้ดีและหลังจากนี้ไป อาจจะถึงจุดจบของสินค้าจีนในอเมริกาแล้วก็เป็นได้
เพราะทรัมป์สกัดด้วยภาษีสูงลิบลิ่ว เช่น ผ้าขนหนูจากจีน จากผืนละสี่สิบ กลายเป็นสองร้อยบาท
ของถูกๆกลายเป็นของราคาปกติได้เลยทันที แถมต้องมารอนานอีก แล้วใครจะสั่ง ?
สินค้าในสหรัฐกำลังปั่นปวน เราอาจจะได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
โดยเฉพาะราคาที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น หรือแพงขึ้นทุกอย่าง
รวมไปถึงปรากฎการณ์ของขาดตลาด หรือของหายเกลี้ยงจากชั้นวางสินค้า
เพราะคนแตกตื่นพาไปกันซื้อกักตุนไว้หลายอย่างแล้ว โดยเฉพาะของที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
และแน่นอนที่สุด ที่หนักที่สุดคือบรรดาสินค้าจากเมืองจีนที่โดนจัดเก็บภาษีนำเข้ามหาโหด
จากโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
Temu และ Shein อีคอมเมิร์ซระดับโลกจากจีน ยักษ์แห่งตลาดฟาสต์แฟชั่น
ที่ขายของสารพัดสิ่งในราคาถูก ส่งตรงจากเมืองจีนสู่หน้าบ้านชาวอเมริกัน
ล่าสุดมีรายงานข่าวว่าปรับขึ้นราคาแล้วครั้งใหญ่ช็อกคน
ข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า Temu และ Shein
ก่อนหน้านี้มียอดขายฟื้นตัวในเดือน มีนาคม และต้นเดือน เมษายนที่ผ่านมา
เนื่องจากลูกค้าชาวอเมริกันพากันสั่งซื้อสินค้าล็อตใหญ่
เพื่อเอามากักตุน ซึ่งมีสินค้าทุกอย่างตั้งแต่แปรงแต่งหน้าไปจนถึงเครื่องใช้ในบ้าน
หวังว่าจะประหยัดเงินก่อนที่ภาษีศุลกากรจะปรับขึ้น และอาจทำให้ราคาแพงจนสู้ไม่ไหว
กระทั่งจนต่อมาทั้งสองบริษัทได้ประกาศว่า จะปรับขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐฯแล้ว
โดยในประกาศที่ออกมาในช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมาระบุว่า
เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบ และภาษีการค้าระหว่างประเทศ
ต้นทุนในการดำเนินงานจึงเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งหมดนี้มาจากนโยบายของรัฐบาล โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ
ได้สั่งให้มีการยกเลิกข้อยกเว้น “de minimis”
ซึ่งเป็นกฎหมายที่ช่วยให้คนอเมริกันสั่งสินค้าขนาดเล็ก ที่ราคาไม่แพง ตรงจากต่างประเทศ
โดยเฉพาะเมืองจีน เข้ามาได้ในรูปแบบพัสดุโดยที่ไม่ต้องเสียภาษี เป็นส่วนหนึ่งของมาตรา 321
ของกฎหมายศุลกากรสหรัฐ อนุญาตให้มีการนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่า
น้อยกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐโดยไม่ต้องเสียภาษี
เป็นช่องว่างหรือช่องทางสำคัญที่ทำให้อีคอมเมิร์ซของจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงสามปีที่ผ่านมา
แต่ตอนนี้ de minimis กฎหมายนี้ถูกยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ 2 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา
ซึ่งหมายความว่า สินค้าของ Shein Temu และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามแดนอื่นๆ
จะต้องเจอกับภาษีถึง 120% หรือบวกไป 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือ 3,300 บาท) ต่อชิ้น
แถมอาจจะยังไม่จบแค่ตัวเลขนี้ เพราะทรัมป์ได้สั่งให้เพิ่มอัตราภาษีพัสดุนำเข้าขึ้นไปอีกในวันที่ 1 มิถุนายนนี้
แถลงการณ์ของ Shein ระบุว่า
“เพื่อที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่คุณชื่นชอบได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ลดทอนคุณภาพ
เราจะปรับราคาเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. 2025”
และนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าอย่างน่าตกใจ สูงสุดถึง 377 %
สินค้าหมวดความงามและสุขภาพ พบว่าแพงขึ้นเฉลี่ย 51%
ส่วนสินค้าของใช้ในบ้าน ในครัว และของเล่น โดยเฉลี่ยแพงขึ้น 30%
ขณะที่สินค้าเสื้อผ้าผู้หญิง แพงขึ้นเฉลี่ย 8%
เช่น ผ้าขนหนู แพงขึ้น 377% จาก 1.28 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 40 กว่าบาท
ราคาพุ่งขึ้นกลายเป็น 6.10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 200 กว่าบาท
ส่วน Temu เริ่มเก็บ "ค่าธรรมเนียมนำเข้า" เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 130% ถึง 150%
สำหรับสินค้าที่จัดส่งโดยตรงจากจีน ทำให้ราคาสินค้าปลายทางพุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัว
เช่น ชุดเดรสสำหรับซัมเมอร์ที่เคยมีราคาเพียง 18.47 ดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบันมีราคารวมอยู่ที่ 44.68 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากบวกค่าธรรมเนียม 26.21 ดอลลาร์สหรัฐเข้าไป
ชุดว่ายน้ำเด็กลายการ์ตูน จาก 12.44 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 31.12 ดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้นจากเดิมที่เคยมองว่าเป็นแอพที่ขายสินค้าราคาถูก
ก็กลับกลายว่าเป็นพื้นที่ขายของที่มีราคาสินค้าปกติทั่วไปแล้ว
เมื่อของถูกกลายเป็นของแพง
แล้วใครจะซื้อ ?
นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
ที่มาเขย่าจุดแข็งของอีคอมเมิร์ซจากจีน
จากที่เคยมาตีตลาดสหรัฐจนสะเทือน
วันนี้โดนตีกลับอย่างแรงจนหัวหมุน
แต่จะบอกว่าคนที่เดือดร้อนอย่างหนักไม่ใช่แค่ธุรกิจจีน
แต่เป็นคนอเมริกันด้วยนั่นเอง
สินค้าราคาถูกกว่าปกติในท้องตลาด
เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้แพลตฟอร์ม E - Commerce จากจีน
ได้รับความนิยมอย่างสูงในอเมริกานับตั้งแต่ปี 2565
โดยผู้บริโภคจำนวนมากแห่ซื้อสินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า
และของใช้ในบ้านราคาประหยัด สั่งแล้วก็ยอมรอ แม้จะต้องรอสินค้านานกว่าปกติ
วันนี้เมื่อภาษีทำให้ราคาสินค้าขยับขึ้นมาใกล้เคียงกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง
อะเมซอน (Amazon), วอลมาร์ท (Walmart) และทาร์เก็ต (Target)
ประกอบกับการจัดส่งที่ยังคงใช้เวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์
แอพจากจีนจึงมีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะสูญเสียลูกค้าไป
เสียงสะท้อนจากลูกค้าปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนบนโลกออนไลน์
โดยในฟอรัมยอดนิยมอย่างเรดดิท (Reddit) มีการโพสต์แสดงความไม่พอใจต่อราคาที่ “พุ่งสูงขึ้น”
และตั้งข้อสังเกตว่ายุคทองของเทมูอาจกำลังจะสิ้นสุดลง
ด้านข้อมูลจากเซนเซอร์ ทาวเวอร์ (Sensor Tower) ยังชี้ว่า
Temu ได้ลดงบโฆษณาในสหรัฐฯ ลง และอันดับความนิยมของแอปพลิเคชันในแอปสโตร์ (App Store)
ของแอปเปิ้ล (Apple) ก็ร่วงลงจาก 10 อันดับแรกไปอยู่ที่อันดับ 73
ส่วน Shein ตกลงจากอันดับ 15 ไปอยู่ที่อันดับ 54
เพื่อลดผลกระทบจากค่าธรรมเนียมใหม่
เทมูพยายามกระตุ้นให้ลูกค้าหันไปเลือกซื้อสินค้าที่จัดเก็บอยู่ในคลังสินค้าภายในสหรัฐฯ แทน
โดยสินค้าเหล่านี้จะมีป้ายกำกับพิเศษเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบว่า “ไม่มีค่าธรรมเนียมนำเข้า”
การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นการกระจายสินค้าภายในประเทศนี้ถือเป็นความพยายามของเทมู
ที่จะรักษาจุดยืนด้านความคุ้มค่า
ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าที่กำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก
ขณะเดียวกันการขึ้นราคาในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากนโยบาย
การเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ซึ่งสุดท้ายแล้วกลับทำให้คนอเมริกันต้องมากลายเป็นเหยื่อที่ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการนำเข้าสินค้าข้ามแดน
เพาะไมใช่แค่ตลาดออนไลน์หรือพัสดุข้ามประเทศ
แต่ตอนนี้ยังมีสินค้าที่วางขายในประเทศอีกมากมายที่กำลังจะมีราคาแพงขึ้นจากภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์
ซีเอ็นบีซี รายงานข้อมูลของบริษัทจัดการสินทรัพย์ Apollo ระบุว่ามาตรการภาษีจะทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น
และสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าคือ สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันขาดแคลน และไม่มีขาย
โดยชั้นวางสินค้าในร้านค้าบางแห่งในสหรัฐอาจจะต้องเผชิญกับความว่างเปล่าภายในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้แล้ว
อีคอมเมิร์ซจากจีนบุกไปตีมาแล้วทั่วโลก
วันนี้เจอศึกใหญ่ในอเมริกากับด่านกำแพงภาษีของทรัมป์
จะหนักหรือสู้ไหวแค่ไหน หรือถึงขั้นกลายเป็นจุดจบ
จับตากันให้ดี