รีเซต

ASIANคำสั่งซื้อหนุนธุรกิจ บาทอ่อนดันยอดขายเพิ่ม

ASIANคำสั่งซื้อหนุนธุรกิจ บาทอ่อนดันยอดขายเพิ่ม
ทันหุ้น
22 มีนาคม 2565 ( 10:43 )
150
ASIANคำสั่งซื้อหนุนธุรกิจ บาทอ่อนดันยอดขายเพิ่ม

#ASIAN #ทันหุ้น - ASIAN รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นแถมคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หนุนครึ่งปีแรก 2565 ตามเป้า ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงต้นทุนพลังงานที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าดันผลดำเนินงานทั้งปี 2565 โต10-15% ทั้งยอดขาย – รายได้ ย้ำบริหารต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีศักยภาพ

 

นางสาววรัญรัชต์  อัสสานุพงศ์  ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN กล่าวถึงผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2565 คาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา (YoY) หนุนจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาจากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้ง 1.ธุรกิจอาหารสัตว์ (Pet Food) ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาหนาแน่นถึงเดือนเมษายน 2565 ขณะเดียวกัน โครงการเพิ่มกำลังการผลิตที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมาก็สำเร็จ สามารถเพิ่มกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาได้มากขึ้น และ 2.ธุรกิจรับจ้างผลิต (Origianl Equipment Manufacturer : OEM)มีคำสั่งผลิตเข้ามาอย่างหนาแน่น

 

3.ธุรกิจอาหารอาหารแช่เยือกแข็ง (Frozen Food) ยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ เป็นระยะแต่บริษัทยังสามารถควบคุมความปลอดภัยและปลอดเชื้อภายในโรงงานได้เป็นอย่างดี สร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มลูกค้า ส่วน 4.ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ (Aque Feed)สามารถขยายตัวได้ตามความต้องการบริโภคทั้งในประเทศ–ต่างประเทศ และ5.ธุรกิจปลาทูน่า (Tuna) ภาพรวมยังคงทรงตัวจากปัจจัยกดดันที่ยังไม่คลี่คลาย

 

“ภาพรวมยอดขายทั้งไตรมาส 1/2565 และไตรมาส 2/2565 เป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงไลน์ผลิตอาหารสัตว์ที่บริษัทลงทุนขยายก็เสร็จทันเข้ามารับคำสั่งที่เร่งตัวขึ้นเต็มถึงเดือนเมษายน 2565 นี้ก็น่าจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ให้เพิ่มขึ้นจากประมาณการได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันในช่วงครึ่งหลังของปีอย่างใกล้ชิด”

 

บาทอ่อนหนุนรายได้

 

สำหรับกรณีความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ส่งผลกระทบทางอ้อมกับธุรกิจของบริษัท เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งเร่งตัวขึ้น รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในอนาคต อย่างไรก็ตามการที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ตามแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ถือเป็นปัจจัยหนุนที่เข้ามาช่วยให้บริษัทสามารถทำยอดขาย – รายได้ให้เติบโตเฉลี่ย 10-15% ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

 

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการติดตั้งโซลาร์ รูฟบนหลังคาที่จังหวัดสมุทรสาคร ทั้งในส่วนที่เป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำ และโรงงานผลิตอาหารแช่เยื่อแข็ง

 

“การประเมินสถานการณ์ทั้งปัจจัยบวก และปัจจัยกดดันเมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทประเมินว่าภาวะการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่น่าจะยังกดดัน ขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวได้ขั้นอย่างต่อเนื่อง แต่ ณ ปัจจุบันด้วยภาวะเงินเฟ้อ และราคาพลังงานที่สูงขึ้นอาจกดดันศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการที่เงินบาทอ่อนค่าลงจึงเป็นปัจจัยหนุนที่เข้ามาบาลานซ์ไม่ให้ปัจจัยกดดันส่งผลต่อการขยายตัวของรายได้ – ยอดขายของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทไม่เพิ่มขึ้นมากนัก”

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565/2566 อยู่ที่ 1,105 ล้านบาท (+6%) และ 1,223 ล้านบาท (+11% YoY) จากสมมติฐาน คาดรายได้อยู่ที่ 10,476 ล้านบาท (+10.4%) และ 11,549 (+10.2%) เติบโตหลักมาจากธุรกิจ Pet Food คงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 21.00 บาท อิง 2022E PER ที่ 15.5x (-0.15SD Below 5-yr Average PER) โดยมองว่าบริษัทยังอยู่ในช่วงการเติบโตจากธุรกิจ Value Added Product

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง