ASIAN ยอดขายพุ่ง ลูกค้าป้อนออเดอร์ มาร์จิ้นปีนี้ยืน15%
ทันหุ้น –สู้โควิด –ASIAN ส่งซิกยอดขายไตรมาส 4/2563 พุ่ง แย้มมีลุ้นรับออเดอร์ OEM ลูกค้ารายใหม่ทั้งในสหรัฐฯและยุโรป หลังติดเครื่องขยายตลาดเต็มสูบ ชูอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งใน-ต่างประเทศ คาดรักษามาร์จิ้นสิ้นปียืนเหนือ 15% คาดทั้งปี 2563 รายได้เข้าเป้า 8.4 พันล้านบาท
นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2563เชื่อว่าจะขยายตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า จากยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet food) ที่ยังคงมีความต้องการสูงจากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันการส่งออกยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าการขยายตลาดทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปโดยเฉพาะอังกฤษอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ทำให้ยังมีโอกาสเข้าไปขยายตลาดรับคำสั่งซื้อจากผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า (OEM) ได้อีกมากในอนาคต ซึ่งนับตั้งแต่ในช่วงที่เหลือของปี 2563 นี้ไปก็มีโอกาสได้รับงานใหม่จากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเข้ามาเพิ่มเติม ในส่วนของธุรกิจกลุ่มอาหารสัตว์น้ำมองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงมีการขยายตัวที่ดีได้เช่นเดียวกัน
*อาหารแช่แข็งฟื้นตัว
ขณะที่ธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง (Frozen) มองว่ามีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากช่วงครึ่งแรกปี 2563 โดยผลิตภัณฑ์ทูน่าในช่วงไตรมาส 3/2563ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในไตรมาส 4/2563 ต้องจับตาสถานการณ์ต่อไปว่าราคาจะขยับตัวเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่
ด้านผลิตภัณฑ์ปลาหมึกนั้นมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสามารถระบายสต๊อกคงค้างได้ทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถส่งออกให้กับลูกค้าในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักได้ เพราะติดปัญหาวิกฤตโรคระบาด ทั้งนี้ มองว่าดีมานด์ปลาหมึกปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เปิดประเทศให้มีการส่งสินค้าได้เป็นปกติ แต่ด้วยปัญหาด้านซัพพรายปลาหมึกที่ลดลงโดยเฉพาะปลาหมึกไทยซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ ทำให้มีความกังวลต่อราคาวัตถุดิบสำหรับปี 2564ที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทเตรียมเข้าหารือกับทางลูกค้าอีกครั้งเพราะอาจมีความจำเป็นในการปรับขึ้นราคาสินค้าในอนาคต
*มาร์จิ้นยืนเหนือ 15%
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ทำให้บริษัทคาดว่าอัตราแลกเปลี่ยนอาจกดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งหลังปี 2563 ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี จากการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายที่มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้บริษัทมองว่าจะยังคงความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) อยูในระดับที่ไม่น้อยกว่า 13-15% ได้
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานรวมในปี 2563บริษัทมองว่ารายได้นั้นยังคงเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 8.4 พันล้านบาท โดยในช่วง 6เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้แล้ว 4.08 พันล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับออเดอร์จากกลุ่มลูกค้าเดิมเข้ามาตามแผน และจากการเดินหน้าขยายตลาดให้ทำให้ในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสที่จะได้รับออเดอร์จากลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มอีกด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทได้เตรียมแผนงานปี 2564 เรียบร้อยแล้ว และจะนำเข้าเสนอบอร์ดเพื่อขอการอนุมัติในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 นี้
*ดีลควบรวมกิจการ
ขณะเดียวกันบริษัทยังสนใจและอยู่ระหว่างศึกษาเข้าลงทุนต่อยอดธุรกิจที่ยังคงมีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เช่น ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแบบแห้ง, ธุรกิจทางด้านการขนส่งและส่งออก หวังเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจในอนาคต ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงทุนในรูปแบบของการการเข้าควบรวมกิจการ (M&A) ประมาณ 3-4 ดีล เบื้องต้นบริษัทตั้งงบลงทุนในส่วนนี่ไว้ราว 500 ล้านบาท คาดได้ข้อสรุปในระยะถัดไป