อัปเกรด RAM ให้คอมพิวเตอร์ ต้องเช็กอะไรบ้าง?

การเพิ่ม RAM (Random Access Memory) หรือหน่วยความจำชั่วคราว เป็นวิธีอัปเกรดคอมพิวเตอร์ที่ค่อนข้างง่ายและได้ผลดีเยี่ยม โดยเฉพาะถ้าคอมคุณเริ่มอืด หน่วง หรือเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันไม่ไหว RAM ที่มากขึ้นจะช่วยให้คอมทำงานได้ลื่นไหลขึ้นเยอะเลยครับ! แต่ก่อนจะพุ่งตัวไปซื้อ RAM ใหม่เนี่ย มีหลายอย่างที่คุณต้องรู้และเช็กให้ชัวร์ก่อนนะ ไม่งั้นอาจจะซื้อมาผิดสเปค หรือใส่แล้วใช้ไม่ได้ เสียเงินฟรีๆ เลย!
สิ่งที่ต้องตรวจสอบ/ควรรู้ก่อนซื้อ RAM ใหม่
การเลือก RAM ที่ถูกต้องเหมือนกับการหาคู่แท้ให้คอมพิวเตอร์ของคุณ ต้องเข้ากันได้ทุกด้าน ซึ่งสิ่งที่ควรรู้มีดังนี้!
1. ประเภทของ RAM
นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องรู้ เพราะ RAM แต่ละเจนฯ จะมีหน้าตาและช่องเสียบที่ไม่เหมือนกัน (และไม่สามารถใส่แทนกันได้)!
- DDR4: เป็นประเภทที่นิยมมากที่สุดในคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กยุคปัจจุบัน (ส่วนใหญ่คอมที่ซื้อในช่วง 5-8 ปีที่ผ่านมามักจะเป็น DDR4)
- DDR5: เป็นประเภทใหม่ล่าสุด ที่พบในคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่มากๆ (CPU Intel Gen 12 ขึ้นไป หรือ AMD Ryzen 7000 Series ขึ้นไป) ให้ความเร็วสูงกว่า DDR4
- DDR3 / DDR3L: เป็นประเภทที่เก่ากว่า พบในคอมพิวเตอร์ที่เก่ากว่า 8-10 ปีขึ้นไป DDR3L คือ DDR3 แบบใช้ไฟน้อย
วิธีเช็ก:
- ใช้โปรแกรม CPU-Z: ดาวน์โหลดและติดตั้ง CPU-Z (ฟรี) > เลือกแท็บ "Memory" > ดูตรงช่อง "Type"
- ดูจากคู่มือเมนบอร์ด/สเปคคอม: เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด ถ้าคุณรู้รุ่นเมนบอร์ดหรือรุ่นคอมพิวเตอร์ของเรา
2. ความเร็วของ RAM (RAM Speed / Frequency)
ความเร็ว RAM มีหน่วยเป็น MHz (เมกะเฮิรตซ์) เช่น 2400MHz, 3200MHz, 4800MHz ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งประมวลผลได้เร็ว แต่เมนบอร์ดของคุณต้องรองรับความเร็วระดับนั้นด้วยนะ!
วิธีเช็ก:
- เปิด Task Manager (Windows): กด Ctrl + Shift + Esc > เลือกแท็บ "Performance" > เลือก "Memory" > ดูตรงช่อง "Speed"
- ใช้โปรแกรม CPU-Z: เลือกแท็บ "Memory" > ดูตรงช่อง "DRAM Frequency" (ค่าที่แสดงจะเป็นครึ่งหนึ่งของความเร็วจริง เช่น ถ้าเห็น 1600 MHz แสดงว่า RAM คุณคือ 3200 MHz) หรือดูที่แท็บ "SPD"
- ดูจากคู่มือเมนบอร์ด/สเปกคอม: เมนบอร์ดแต่ละรุ่นจะระบุว่ารองรับ RAM ความเร็วสูงสุดเท่าไหร่
คำแนะนำ: ถ้าคุณซื้อ RAM ความเร็วสูงกว่าที่เมนบอร์ดรองรับ RAM นั้นก็จะวิ่งที่ความเร็วสูงสุดที่เมนบอร์ดรับได้เท่านั้น หรือถ้าซื้อ RAM ใหม่ที่มีความเร็วสูงกว่า RAM เก่า (ในกรณีที่อยากใส่ 2 แถว) RAM ทั้งสองแถวก็จะวิ่งที่ความเร็วของ RAM แถวที่ช้าที่สุด
3. ขนาดความจุของ RAM (RAM Capacity)
คือจำนวน GB (กิกะไบต์) ของ RAM เช่น 4GB, 8GB, 16GB, 32GB ยิ่งมากยิ่งดีสำหรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
วิธีเช็ก:
- เปิด Task Manager (Windows): กด Ctrl + Shift + Esc > เลือกแท็บ "Performance" > เลือก "Memory" > ดูตรงมุมซ้ายบนจะบอกว่า "Used" เท่าไหร่จาก "Total" เท่าไหร่ (เช่น 8.0 GB)
- คลิกขวาที่ My Computer / This PC > Properties
คำแนะนำ:
- 8GB: เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล
- 16GB: มาตรฐานสำหรับเล่นเกม ทำงานทั่วไป เปิดหลายโปรแกรมพร้อมกัน ถือเป็นขั้นต่ำที่แนะนำสำหรับคอมพิวเตอร์ยุคนี้
- 32GB ขึ้นไป: เหมาะสำหรับทำงานเฉพาะทาง เช่น ตัดต่อวิดีโอ กราฟิกดีไซน์ งาน 3D หรืองานที่ต้องเปิดโปรแกรมหนักๆ พร้อมกันมากๆ
4. จำนวนสล็อต RAM ที่ว่าง
เมนบอร์ดแต่ละรุ่นมีช่องสำหรับใส่ RAM ไม่เท่ากัน โดยทั่วไป PC ตั้งโต๊ะจะมี 2-4 ช่อง ส่วนโน้ตบุ๊กมักจะมี 1-2 ช่อง
วิธีเช็ก:
- สำหรับ PC ตั้งโต๊ะ: เปิดเคสคอมพิวเตอร์ดูเมนบอร์ดได้เลย จะเห็นช่อง RAM เป็นแถวยาวๆ (สีต่างจากช่องอื่นๆ)
- สำหรับโน้ตบุ๊ก: อาจจะต้องเปิดฝาหลังดู (ถ้าทำเป็น) หรือใช้โปรแกรม CPU-Z > เลือกแท็บ "SPD" > ดูตรงช่อง "Slot #1, Slot #2,..." จะบอกว่ามีกี่ช่องและแต่ละช่องใส่ RAM อะไรอยู่
คำแนะนำ:
- ถ้ามีสล็อตว่างเหลืออยู่ คุณสามารถซื้อ RAM เพิ่มแล้วเสียบเข้าไปได้เลย (แนะนำให้ซื้อ RAM ที่สเปคตรงกับตัวเก่า หรือซื้อแบบแพ็คคู่ใหม่ไปเลย)
- ถ้าสล็อตเต็มแล้ว คุณจะต้องถอด RAM ตัวเก่าออก แล้วใส่ RAM ตัวใหม่ที่มีความจุสูงกว่าเข้าไปแทน
- การใส่ RAM เป็นคู่ (Dual Channel) เช่น 8GB สองแถว (รวม 16GB) จะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า 16GB แถวเดียว
5. Form Factor ของ RAM (ขนาดของ RAM)
- DIMM: สำหรับ PC ตั้งโต๊ะ (แถวยาวกว่า)
- SO-DIMM: สำหรับโน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก (แถวสั้นกว่า)
วิธีเช็ก: ดูจากอุปกรณ์ของคุณว่าเป็น PC หรือโน้ตบุ๊ก
6. ค่า CL / Latency (Timing)
คือค่าความหน่วงในการตอบสนองของ RAM ยิ่งตัวเลขน้อยยิ่งดี เช่น CL16, CL18 ค่านี้จะมีผลต่อประสิทธิภาพเล็กน้อย แต่สำคัญถ้าคุณต้องการประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะกับ CPU ของ AMD Ryzen
วิธีเช็ก:
- ใช้โปรแกรม CPU-Z: เลือกแท็บ "Memory" > ดูตรงช่อง "CL (CAS Latency)"
- ดูจากสเปก RAM เดิม
คำแนะนำ: ถ้าคุณเพิ่ม RAM โดยต้องการใส่ 2 แถว ควรเลือก RAM ที่มีค่า CL เท่ากัน หรือใกล้เคียงกัน เพื่อให้ระบบทำงานได้เสถียรที่สุด
ขั้นตอนการอัปเกรด RAM (คร่าวๆ)
- ปิดคอมพิวเตอร์ ถอดปลั๊กให้เรียบร้อย: เพื่อความปลอดภัย
- เปิดฝาเคส (PC) / ฝาหลัง (Notebook): ค่อยๆ ทำอย่างระมัดระวัง
- ถอด RAM เก่า (ถ้าจำเป็น): ปลดล็อกตัวล็อกที่ปลายทั้งสองข้างของสล็อต RAM แล้วดึง RAM ออกมาตรงๆ
- ใส่ RAM ใหม่: จัดตำแหน่งให้ร่องบากบน RAM ตรงกับร่องบนสล็อต กดลงไปตรงๆ ให้ดัง "คลิก" ทั้งสองข้างของตัวล็อก
- ปิดฝาเคส/ฝาหลัง: ตรวจสอบให้แน่นหนา
- เปิดคอมพิวเตอร์: ระบบอาจใช้เวลาบูตนานกว่าปกติเล็กน้อยในครั้งแรก เพื่อตรวจจับ RAM ใหม่
- ตรวจสอบ: เข้าไปที่ Task Manager เพื่อเช็กว่าระบบมองเห็น RAM ใหม่ถูกต้องหรือไม่
การอัปเกรด RAM เป็นวิธีที่คุ้มค่าในการเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ของคุณอย่างเห็นได้ชัดครับ ถ้าเช็กข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาให้ครบถ้วน รับรองว่าได้ RAM ที่ใช่ ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแน่นอนจ้า!
Photo Credit : AI Generated