ลาก่อนคีย์บอร์ด! ผลวิจัยชี้ "Gen Alpha" จะใช้เสียงแทนการพิมพ์ 100% ในการทำงานปี 2028
เตรียมตัวให้พร้อม! โลกของการทำงานกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อคนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Gen Alpha (ผู้ที่เกิดตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป) ก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างเต็มตัว มีการคาดการณ์ที่น่าตื่นเต้นจากนักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคว่า ภายในปี 2028 คนทำงานรุ่น Alpha จะใช้ "เสียง" (Voice) ในการสั่งงาน, สื่อสาร, และสร้างเนื้อหาต่าง ๆ แทนการใช้คีย์บอร์ดและหน้าจอแบบดั้งเดิมเกือบ 100%
แนวโน้มนี้ไม่ได้เป็นแค่ความสะดวกสบายส่วนตัว แต่คือการปฏิวัติวิธีการทำงาน (Workplace Revolution) ที่จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อทุกองค์กรที่ยังคงยึดติดกับอีเมลและแชทข้อความแบบเดิม ๆ
รากฐานของ Gen Alpha: โตมาพร้อมกับ AI และคำสั่งเสียง
Gen Alpha ถูกนิยามว่าเป็น "Digital Natives" ตัวจริงเสียงจริง เพราะพวกเขาเกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่พัฒนาแล้วและ "สั่งการด้วยเสียง" คือภาษาแม่ของพวกเขา:
- Google Home และ Alexa: อุปกรณ์สั่งงานด้วยเสียง (Voice Assistants) เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของพวกเขามาตั้งแต่เกิด พวกเขาคุ้นเคยกับการ พูด เพื่อขอข้อมูล สั่งงาน หรือควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ
- การศึกษาและ AI: พวกเขาเรียนรู้ผ่านเครื่องมือ AI และระบบที่เน้นการโต้ตอบด้วยเสียง ทำให้การพิมพ์กลายเป็นกระบวนการที่ช้าและไม่จำเป็นสำหรับพวกเขา
- การสื่อสารที่เน้นความเร็ว: ในขณะที่ Gen Z คุ้นเคยกับการพิมพ์ข้อความและส่ง Emoji แต่ Gen Alpha คุ้นเคยกับ "Voice Notes" และการสื่อสารที่เน้นความทันทีและมีอารมณ์ความรู้สึก (Emotion) ผ่านน้ำเสียง การพิมพ์จึงถูกมองว่าเป็นวิธีการที่ทำให้การสื่อสารล่าช้าและสูญเสียบริบท
ด้วยรากฐานนี้ เมื่อ Gen Alpha เข้าสู่โลกของการทำงาน พวกเขาจะปฏิเสธวิธีการทำงานที่พวกเขาไม่คุ้นเคยทันที ซึ่งรวมถึงการ "เขียนอีเมล" ที่เป็นทางการและกินเวลานาน
ออฟฟิศปี 2028: เสียงคือ "คีย์บอร์ด" ใหม่
การเปลี่ยนผ่านสู่การทำงานด้วยเสียงจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถานที่ทำงานภายในไม่กี่ปีข้างหน้า:
1. สื่อสารทางธุรกิจด้วย Voice Notes แทน Email
ผลวิจัยเผยว่า ในโลกของ Gen Alpha การสื่อสารหลักกับเพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่กับเจ้านายจะไม่ใช่การเขียนอีเมลยาวเหยียด แต่คือการส่ง "ข้อความเสียง (Voice Messages)" หรือ "บันทึกเสียง (Voice Notes)" แทน
- รวดเร็วกว่า: การพูดเร็วกว่าการพิมพ์ 4 ถึง 5 เท่า (พูด 150 คำต่อนาที เทียบกับการพิมพ์ 30-40 คำต่อนาที)
- มีประสิทธิภาพกว่า: การสื่อสารด้วยเสียงช่วยให้ผู้รับได้รับ น้ำเสียง (Tone) และ อารมณ์ ของผู้ส่ง ซึ่งช่วยลดความเข้าใจผิดที่มักเกิดขึ้นจากการสื่อสารด้วยข้อความ
2. AI สร้างเนื้อหา 100% จากคำสั่งเสียง
ในอนาคตอันใกล้ Gen Alpha จะไม่ต้องพิมพ์รายงาน, สรุปการประชุม, หรือแม้แต่ร่างอีเมลอีกต่อไป แต่จะใช้ คำสั่งเสียง เพื่อสั่งให้ AI ดำเนินการให้ทั้งหมด:
- การประชุม: พวกเขาจะสั่งให้ AI บันทึกและสรุปการประชุมทั้งหมดเป็นรายงานอัตโนมัติ
- การสร้างคอนเทนต์: สั่งให้ AI ร่างบทความ, สร้างสไลด์นำเสนอ, หรือแม้แต่เขียนโค้ดง่าย ๆ ผ่านคำสั่งเสียงที่ชัดเจน
- การทำงานข้ามแพลตฟอร์ม: ระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันจะถูกออกแบบมาให้รับคำสั่งเสียงเป็นหลัก และใช้ AI ในการถอดความและประมวลผลให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่ต้องการ
3. สภาพแวดล้อมสำนักงานที่เปิดกว้าง (Voice-Friendly Workplace)
องค์กรจะต้องปรับตัวเพื่อรองรับรูปแบบการสื่อสารนี้:
- เครื่องมือที่รองรับ: ต้องลงทุนในซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่สามารถแปลงเสียงเป็นข้อความได้แม่นยำและรวดเร็ว รวมถึงการเพิ่มความเป็นส่วนตัวในที่ทำงาน (Acoustic Privacy) เพื่อรองรับการสั่งงานด้วยเสียงที่เพิ่มขึ้น
- ทักษะที่เปลี่ยนไป: ทักษะการพิมพ์เร็ว (Typing Speed) จะหมดความสำคัญลง และทักษะ "การสื่อสารด้วยเสียงที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ" จะกลายเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดในการทำงาน
ธุรกิจต้องเตรียมพร้อมอย่างไร?
การเปลี่ยนแปลงนี้มาเร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้ องค์กรที่ไม่ปรับตัวจะประสบปัญหาในการดึงดูดและรักษาคนทำงานรุ่นใหม่:
- ปรับเครื่องมือสื่อสาร:
- เลิกบังคับใช้มาตรฐานการสื่อสารด้วยอีเมลที่ล้าสมัย
- นำแพลตฟอร์มที่รองรับการส่ง Voice Notes และการถอดเสียง (Transcription) อัตโนมัติมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ
- ออกแบบการฝึกอบรมใหม่:
- ฝึกอบรมพนักงานรุ่นเก่าให้คุ้นเคยกับการใช้คำสั่งเสียงและ Voice Notes ในการทำงาน
- ให้ความสำคัญกับทักษะการพูด (Public Speaking and Clarity) มากกว่าทักษะการพิมพ์
- ลงทุนใน AI และ Automation:
- ใช้ AI มาเป็น ผู้ช่วยส่วนตัว (Personal AI Assistant) สำหรับพนักงานทุกคน เพื่อรับคำสั่งเสียงและจัดการงานเอกสารที่ซ้ำซ้อน
Gen Alpha ไม่ได้แค่ใช้เทคโนโลยี แต่พวกเขาคือเทคโนโลยี การทำงานร่วมกับคนรุ่นนี้หมายถึงการปรับตัวเข้าสู่ยุคที่ "เสียง" จะเข้ามาแทนที่ "ตัวอักษร" บนหน้าจออย่างสมบูรณ์ภายในไม่กี่ปีข้างหน้าครับ
Credit : hollahr, fortune
Photo Credit : AI Generated