วิเคราะห์ระเบิด 4 จุดกลางภูเก็ต กับบทเรียนระบบความมั่นคง

เย็นวันที่ 25 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 16.10 น. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินนานาชาติภูเก็ตได้รับแจ้งพบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยจอดอยู่ในลานจอดฝั่งผู้โดยสารภายในประเทศ ไม่ไกลจากอาคารหลัก จุดนั้นกลายเป็นศูนย์กลางความกังวล หลังมีเหตุระเบิดป่วนเมืองหลายจุดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า รถจักรยานยนต์คันนี้เป็น 1 ใน 3 คันที่เข้าข่ายต้องสงสัยว่าซุกซ่อนวัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด (EOD) ต้องเร่งเคลียร์พื้นที่ และนำรถโดยรอบออกจากจุดเสี่ยง ก่อนเข้าสำรวจอย่างละเอียด
ในเวลาไล่เลี่ยกัน พบมีการวางระเบิดอีก 3 จุดเกิดขึ้นบริเวณแหลมพรหมเทพและพื้นที่ป่าตอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับนานาชาติ แม้เหตุการณ์ทั้งหมดไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่คำถามที่ตามมา ไม่ใช่แค่ใครอยู่เบื้องหลัง แต่คือ —ช่องว่างใดที่ทำให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ในจุดที่ควรปลอดภัยที่สุด
ต้นทางของเบาะแส กับการจับกุมที่พังงา
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ตำรวจในจังหวัดพังงาสกัดจับรถเก๋งต้องสงสัยซึ่งมีชาย 2 คนจากจังหวัดปัตตานีโดยสารมาด้วย การตรวจค้นพบแผงวงจรจุดชนวนระเบิด พร้อมอุปกรณ์ตั้งเวลา ลักษณะใกล้เคียงกับชุดอุปกรณ์ที่เคยพบในเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้
จากคำให้การเบื้องต้น ชายทั้งสองระบุว่าไม่ได้มีแผนจะเข้าไปในภูเก็ต แต่เพิ่งเดินทางกลับออกมา หลังส่งของบางอย่างให้บุคคลหนึ่งในพื้นที่ป่าตอง โดยของชิ้นนั้นถูกขนมาจากอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
แม้คำให้การยังต้องรอการตรวจสอบต่อไป แต่ข้อมูลนี้ชวนให้ตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัยจากภาคใต้สู่พื้นที่ท่องเที่ยว อาจไม่ใช่เรื่องเฉพาะบุคคล และอาจมีเครือข่ายที่ซับซ้อนมากกว่าที่เห็น
“หน้าขาว” กับยุทธวิธีที่ไม่ทิ้งร่องรอย
ชายทั้งสองคนไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ไม่มีรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลเฝ้าระวัง และไม่มีพฤติกรรมที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงทางการข่าวกรอง ส่วนใหญ่มักเรียกกลุ่มคนลักษณะนี้ว่า “กลุ่มหน้าขาว” หรือสมาชิกใหม่ของขบวนการที่ไร้ร่องรอย
หากการเดินทางของพวกเขาเชื่อมโยงกับการลำเลียงอุปกรณ์เพื่อประกอบระเบิด การใช้บุคคลที่ไม่มีประวัติอาจเป็นจุดแข็งในยุทธวิธีล่องหน เพราะช่วยให้ข้ามเขตหลายจังหวัดได้โดยไม่สะดุดกับจุดตรวจหรือระบบเฝ้าระวังใด
การใช้จักรยานยนต์แทนรถยนต์ในการซุกซ่อนอุปกรณ์ ยังทำให้ยากต่อการสังเกต ยิ่งในเมืองท่องเที่ยวที่รถสองล้อคือเรื่องปกติ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ผู้ลงมือผ่านเข้าพื้นที่เป้าหมายโดยไม่ถูกจับตา
ระบบข่าวกรองที่ยังรอการเชื่อมโยง?
แม้จะมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยพร้อมอุปกรณ์อันตรายในจังหวัดพังงา แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภูเก็ตจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างเป็นทางการ?
การประสานข้อมูลระหว่างจังหวัดในสถานการณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับสูง เป็นภารกิจสำคัญที่ต้องอาศัยทั้งความรวดเร็ว ความชัดเจน และการสื่อสารแบบทันที
คำถามจึงไม่ได้มุ่งไปที่บุคคลใดโดยเฉพาะ แต่คือระบบเชื่อมโยงข่าวสารของไทยสามารถรับมือกับภัยคุกคามลักษณะใหม่ได้ทันหรือไม่? และจะมีการปรับปรุงจุดใดเพื่อให้การแจ้งเตือนข้ามพื้นที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงทีมากขึ้น
ระเบิดที่ไม่ต้องปลิดชีพ แต่อาจเปลี่ยนท่าทีของรัฐ?
ทั้ง 4 จุดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ล้วนเป็นพื้นที่สัญลักษณ์ — สนามบินนานาชาติ, แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก, จุดชมวิวสำคัญ — เป้าหมายทั้งหมดไม่มีลักษณะเจาะจงชีวิต
หรือนี่อาจเป็น “การกดดันเชิงสัญลักษณ์” ไม่ใช่เพื่อสร้างความสูญเสียโดยตรง แต่เพื่อดึงความสนใจ สร้างความตระหนัก และอาจหวังผลในเชิงจิตวิทยา
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
