จับจังหวะลงทุน 'เมย์แบงก์' ชู 5 หุ้น SET ย่อชี้โอกาสสะสม
#M #ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังคาดอยู่ในโหมดเติบโตแบบต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากเม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยทั้งการกิน ท่องเที่ยว พักผ่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับขึ้นเด่น เพิ่มแรงหนุนต่อผลการดำเนินงานในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหาร จะเติบโตแข็งแกร่งทั้งหมดจึงเป็นที่มาของธีมการลงทุน “Paid for Leisure” โดยเลือก M เป็นหุ้นเด่นสำหรับธีมนี้
ตลาดผันผวนสั้น แต่ยังมองเป็นโอกาสสะสม : ภาพรวมการลงทุนในระยะสั้น ตลาดแกว่งผันผวน ตอบรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น หลังถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ยังมุ่งเน้นการดำเนินนโยบายที่เข้มงวด เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อสูง ดังนั้น คาดดอกเบี้ยสหรัฐฯยังทรงตัวสูงไปอีกระยะหนึ่ง และเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ดีหากกลับมาพิจารณาเศรษฐกิจในประเทศ คาดยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยได้แรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการบริโภค และการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไป จึงมองจังหวะที่ตลาดย่อ เป็นโอกาสดีในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี
เม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยในประเทศโดดเด่น :คาดตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หนุนตัวเลขทั้งปีขึ้นสู่ระดับ 9 ล้านคน และเดินหน้าต่อเนื่องในปีหน้าสู่ระดับ 22 ล้านคน ผสานกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มกลับมาดีขึ้นหลังผ่อนคลายประเด็น COVID-19 ดังนั้น คาดว่าเม็ดเงินที่เตรียมจับจ่ายใช้สอยทั้งด้านการกิน, การท่องเที่ยวและการพักผ่อนต่างๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดหนุนรายได้ของธุรกิจขยับขึ้นเด่น
โดยประเมินกำไรมีโอกาสดีกว่าที่ตลาดประเมินจาก Traffic ที่สูงกว่าคาด แม้ว่าจะมีการขยับราคาขายขึ้นก็ตาม ผสานกับช่วงวิกฤติ COVID ที่ผ่านมา หลายบริษัทมีการลดคน ลดค่าใช้จ่ายและชำระหนี้ไปมากแล้ว ดังนั้นจะทำให้กำไรปี 2565-66 ฟื้นเด่นเป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อ SET และคาดหุ้นในกลุ่มร้านอาหาร (M), ท่องเที่ยว (SPA), โรงแรม (ERW, CENTEL, AWC) ยังเป็นหุ้นที่น่าทยอยสะสม
M (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 65 บาท) คาดกำไรปีนี้เติบโตก้าวกระโดด +906%YoY สู่ระดับ 3.7 พันล้านบาท และเร่งตัวขึ้นต่อในปีหน้า +57%YoY สู่ระดับ 4.5 พันล้านบาท ยอดขายสาขาเดิมเติบโตดี (SSSG) โดยในช่วง Q2/65 ที่ +60% และยังมีแนวโน้มพุ่งขึ้น +170% ในเดือน ก.ค. 65 โดยเชื่อว่ายอดขายจะกลับเข้าสู่ระดับก่อน COVID-19 ได้ในปี 2566 ยังคงรักษาเป้าหมายการขยายสาขาไว้ที่ 26 ร้านค้า โดยส่วนใหญ่จะเติบโตไปพร้อมกับห้างสรรพสินค้า คงมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจร้านอาหารที่ยังฟื้นตัวแรง ในขณะที่ Valuation ปัจจุบันซื้อขาย PE ปี 66 ที่ระดับ 25 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 30 เท่า