งานวิจัยซี้ การฟังเพลงเหล่านี้ จะทำให้คุณอายุยืนขึ้น

นักวิจัยจาก University College London (UCL) เผยผลการศึกษาล่าสุดระบุว่า การฟังเพลงที่มีจังหวะความเร็ว 120-130 BPM (Beats Per Minute) เป็นประจำ อาจมีส่วนช่วย ชะลอนาฬิกาชีวิต (biological clock) หรืออายุชีวภาพของร่างกายได้ถึง 6 ปี

ตัวอย่างเพลงที่มีจังหวะอยู่ในช่วง 120-130 BPM เช่น

• “Stayin’ Alive” – Bee Gees (ประมาณ 104 BPM แต่เป็นเพลงที่อยู่ใน range ใกล้เคียงและแพทย์แนะนำสำหรับการทำ CPR)
• “Uptown Funk” – Mark Ronson ft. Bruno Mars (ประมาณ 115 BPM)
• “Shape of You” – Ed Sheeran (ประมาณ 126 BPM)
• “Levitating” – Dua Lipa (ประมาณ 103 BPM แต่เป็นกรูฟที่ร่างกายตอบสนองดีในรูปแบบเดียวกัน)

ดร. David Plans หัวหน้านักวิจัยจาก UCL อธิบายว่า “จังหวะเพลงในช่วง 120-130 BPM เป็นช่วงความเร็วเดียวกับ อัตราการเต้นของหัวใจในขณะออกกำลังกายเบาถึงปานกลาง เช่น การเดินเร็วหรือปั่นจักรยาน ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเธติก ที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูร่างกาย ลดความเครียด และปรับสมดุลการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด”

นอกจากนั้น ยังพบว่าเพลงความเร็วช่วงนี้กระตุ้นให้ร่างกายหลังสารเอ็นดอร์ฟิน (endorphins) และโดพามีน (dopamine) มากขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสุข ลดภาวะซึมเศร้า และลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ

ทีมนักวิจัยได้เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 50,000 คนทั่วโลก ผ่านแอปพลิเคชันวัดสุขภาพ พร้อมวิเคราะห์พฤติกรรมการฟังเพลงร่วมกับ Epigenetic Clock ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดอายุชีวภาพจากการเปลี่ยนแปลงของ DNA ผลลัพธ์พบว่ากลุ่มที่ฟังเพลง 120-130 BPM เป็นประจำ มีอายุชีวภาพต่ำกว่าอายุจริงเฉลี่ย 6 ปี และมีความแข็งแรงของหัวใจ-หลอดเลือดดีกว่ากลุ่มที่ไม่ฟัง

“เราไม่ได้แนะนำให้ฟังเพลงเร็วตลอดเวลา แต่จังหวะ 120-130 BPM เหมาะที่สุดที่จะช่วยให้ร่างกาย active และฟื้นฟูตัวเองได้ดีที่สุด ถ้าฟังเป็นประจำ ผสมกับการออกกำลังกายเบา ๆ ก็เหมือนกับคุณได้ดูแลนาฬิกาชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งยาใด ๆ เลย” ดร. David Plans ทิ้งท้าย

ฟังเพลงอย่างไรให้ได้ประโยชน์

• เลือกฟังวันละ 20-30 นาที ควรเปิดขณะออกกำลังกาย ทำงานบ้าน หรือเดินเล่น
• สลับกับเพลงช้า/ผ่อนคลาย เพื่อไม่ให้กระตุ้นร่างกายมากเกินไป
• เลือกเพลงที่ทำให้รู้สึกดี ไม่บีบคั้นอารมณ์ เพราะผลวิจัยชี้ว่าความรู้สึกขณะฟังมีผลต่อประสิทธิภาพในการชะลอวัยด้วย