พรมแดนสหรัฐฯ และแคนาดา จะกลับมาเปิด เมื่อชาวแคนาดา 75% ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 โดสแล้ว
Canada: เจ้าหน้าที่แคนาดาเปิดเผยว่า พรมแดนสหรัฐฯ และแคนาดา จะกลับมาเปิดอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อชาวแคนาดา 75% ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 โดสแล้ว
การปิดพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งยาวเกือบ 8,900 กิโลเมตร ถือว่ายาวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 เป็นต้นมา
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 มิถุนายน) แคนาดาได้ขยายมาตรการคุมเข้มออกไปอีกจนถึง 21 กรกฎาคมเป็นอย่างน้อย และคาดว่าเร็ว ๆ นี้ จะประกาศผ่อนปรนบางมาตรการสำหรับประชาชนที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว
บิล แบลร์ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เปิดเผยว่า “เรายังไม่ไปถึงจุดสิ้นสุด นั่นคือจุดที่ประชากรส่วนใหญ่ของแคนาดา คือกว่า 75% ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบทั้ง 2 โดส” ขณะที่ปัจจุบัน พบว่ามีชาวแคนาดาเพียงไม่ถึง 1 ใน 5 หรือไม่ถึง 20% ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
จากมาตรการคุมเข้มที่ทำให้ครอบครัวต้องแยกจากกัน, ยกเลิกการท่องเที่ยว และกระทบต่อนักเรียนต่างชาติ ตลอดจนความสัมพันธ์การค้าทวิภาคีที่ใหญ่ที่สุดระหว่างกันนั้น ทำให้ภาคการท่องเที่ยวและที่เกี่ยวข้อง สูญเสียรายได้มากถึง 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 5 แสนล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว
แคนาดาเร่งฉีดวัคซีนโดสแรกให้กับประชาชนให้มากที่สุด แต่กลับเผชิญปัญหาวัคซีนโดสที่ 2 ขาดแคลน โดยล่าสุด มีชาวแคนาดาได้วัคซีนโดสแรกแล้ว 66% แต่มีเพียง 18% ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส
ขณะที่ชาวอเมริกันราว 45% ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว โดยแคนาดาตั้งเป้าว่าจะฉีดวัคซีนให้ได้ 68 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อประชากรที่ได้รับอนุญาตให้ฉีด
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาา นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดนา อนุมัติเป็นกรณีพิเศษ ให้ทีมฮ็อกกี้เดินทางไปแข่งขันที่สหรัฐฯ ได้ แต่ปรากฎว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เฮดโค้ชของทีมฮ็อกกี้มอนทรีอัล กลับติดเชื้อโควิด-19 ในลาสเวกัส เนื่องจากฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียว