รีเซต

'อนุทิน' ชี้ สหรัฐฯ ติดโควิดเสียชีวิตพุ่ง เหตุไม่ฉีดวัคซีนเยอะ มั่นใจไทยคุมได้

'อนุทิน' ชี้ สหรัฐฯ ติดโควิดเสียชีวิตพุ่ง เหตุไม่ฉีดวัคซีนเยอะ มั่นใจไทยคุมได้
ข่าวสด
28 มกราคม 2565 ( 16:42 )
81
'อนุทิน' ชี้ สหรัฐฯ ติดโควิดเสียชีวิตพุ่ง เหตุไม่ฉีดวัคซีนเยอะ มั่นใจไทยคุมได้

'อนุทิน' ชี้ สหรัฐฯ ติดโควิดเสียชีวิตพุ่ง เหตุไม่ฉีดวัคซีนเยอะ มั่นใจไทยคุมได้​ เชื่อ​ตัวเลขจะค่อยๆลดลง​ “ชี้”วงสังสรรค์​เป็นคลัสเตอร์หลัก

เมื่อเวลา​ 13.40 น.​ วันที่ 28 ม.ค.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรี​ และรมว.สาธารณสุข​ กล่าวถึงกรณีมีการตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้ชุมนุมพีมูฟที่ชุมนุมข้างทำเนียบฯหลายราย กระทรวงสาธารณสุขจะต้องเข้ามาคัดกรองหรือไม่​ ว่า​ เข้าใจว่าทาง กทม. เป็นผู้ดูแล ขณะนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือ ทำตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วประเทศ โดยเฉพาะวันนี้ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นนั้น ตนยังเชื่อว่าจะค่อยๆลดลง

อย่างไรก็ตาม​ วันนี้เน้นในเรื่องของการดูแลผู้ป่วยหนัก และยังยืนยันว่าจำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตยังอยู่ในจำนวนที่ดี ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่​ ส่วนที่สหรัฐอเมริกามีตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงขึ้นทั้งที่เชื้อโอมิครอนมีอาการไม่รุนแรงนั้น ต้องดูในรายละเอียด อย่างที่สหรัฐฯมีประชากรจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และวิถีการใช้ชีวิตอย่างไม่เหมือนเรา คนไทยยังให้ความร่วมมืออย่างดี โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัย ทำให้การติดเชื้อยังอยู่ในระดับที่เราควบคุมได้

 

ส่วนใหญ่ผู้ที่ติดเชื้อมา มาจากการรวมตัวกัน การปาร์ตี้สังสรรค์ ตรงนี้ยอมรับว่ายังมีอยู่ เพราะทุกคนถือว่าฉีดวัคซีนกันแล้ว ระมัดระวังกันอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งเหมือนเป็นการคัดกรองชั้น 1 แล้ว ย้ำว่าวันนี้เรื่องวัคซีนไม่ใช่ปัญหา แต่ขอให้หลีกเลี่ยงการรวมตัวเฮฮาปาร์ตี้ การสังสรรค์ ได้รับรายงานว่าขณะนี้เป็นคลัสเตอร์หลัก มาจากกิจกรรมเหล่านี้

เมื่อถามว่า กระทรวงการอุดมศึกษา​ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ประสานกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการดูแลการสอบทีแคสแล้วหรือยัง​ นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขฉีดวัคซีนให้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแล และกระทรวงสาธารณสุขได้ให้มาตรการ อย่างไรก็ตาม ขอให้รักษามาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคล เมื่อมีการฉีดวัคซีน ตรวจคัดกรองด้วย ATK ก่อนเข้าสอบแล้ว ก็สามารถดำเนินการได้

เมื่อถามว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดขนาดไหนถึงจะปรับให้เป็นโรคประจำถิ่นได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูหลายปัจจัย ทั้งเรื่องการป่วยหนัก การเสียชีวิต การติดเชื้อ จำนวนผู้ได้รับวัคซีน รวมถึงความร่วมมือที่ได้รับ หากตัวเลขไม่กระโดดขึ้นสูงนัก เชื้อจะค่อยๆลดความรุนแรงลง แต่การที่จะประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นได้ต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่าจะประกาศพรุ่งนี้ ตอนนี้เป็นเพียงเป้าหมายและแนวทาง ทุกคนจะได้มีการวางแผนล่วงหน้าในการประกอบอาชีพ

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงการรวมตัวกันในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ นายอนุทินกล่าวยอมรับว่า ก็เป็นปัญหาที่จะแพร่ระบาดได้ อะไรที่หลีกเลี่ยงได้ควรจะหลีกเลี่ยง แต่จะไปบอกว่าไม่ให้เจอใครเลย พูดไปก็เท่านั้น จึงขอให้พยายามในการป้องกันตัวเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง