DELTA ฟิลลิปหั่นกำไรปี 68 ลง จากผลกระทบภาษีบริษัทต่างชาติ

#DELTA #ทันหุ้น-บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ระบุว่าพรก.ภาษีบริษัทต่างชาติ หรือ Global minimum tax 15% ที่ประกาศบังคับใช้ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป ซึ่งกฎหมายยอมให้หักค่าตอบแทนของลูกจ้างและมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนร้อยละห้าออกจากเงินได้รวมสุทธิ ทำให้ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับคาดการณ์ภาษีปี 2568 สูงขึ้น และคาดว่า Effective tax rate ของ DELTA จะสูงขึ้นเป็น 8.0% จากเดิม 2.3-5.5% แม้คาดว่ารายได้ในปี 2568 ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นจากส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Data center และ AI (AI-Data center) ที่มีสัดส่วนราว 35% ของรายได้รวม แต่ผลกระทบด้านภาษีมีผลค่อนข้างมาก 

ฝ่ายวิจัยจึงได้ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 2568 ลง 6.2% มาอยู่ที่ 21,592 ล้านบาท ลดลง 0.7% จากปีก่อน หรือ YoY 

อย่างไรก็ตามด้วยอัตราภาษีใหม่ที่คาดไว้ยังต่ำกว่าบริษัทแม่ (DELTA-ไต้หวัน) ที่มี Effective tax rate 20% คาดว่าบริษัทฯยังคงไม่เปลี่ยนทิศทางในการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้าน AI เข้ามาในไทยต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีขยายโรงงานที่นิคมเวลโกรว์ 3 และ 4 สร้างเสร็จครึ่งหลังปี 2568 และนิคมบางปู (D13, D14, D15) สร้างเสร็จครึ่งหลังปี 2569  เพื่อรองรับธุรกิจ Power electronic ด้าน AI ที่จะเติบโตในอนาคตและรองรับการถ่ายโอนสินค้าบางส่วนจากจีน

ในส่วนของผลดำเนินงานไตรมาส 4/67 ของ DELTA ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 4,966 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 16.0% จากไตรมาสก่อนหรือ QoQ โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจากยอดขายเพิ่มขึ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Data center เติบโตได้ดี แต่กำไรที่ลดลง QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง คาดว่ามีการกลับรายการสินค้าคงเหลือลดลงกว่าไตรมาสก่อน 

และคาดว่ากำไรทั้งปี 2567 อยู่ที่ 21,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1% YoY แม้ปี 2567 ถูกเรียกเก็บ Royalty fee ในอัตราที่สูงขึ้น ทำให้มี SG&A เพิ่มขึ้น แต่ยังเห็นกำไรเติบโตได้ดี

กลยุทธฺ์การลงทุน ยังคงแนะนำขาย และได้ปรับราคาพื้นฐานปี 2568 ลงมาที่ 114 บาทต่อหุ้น โดยราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่าราคาพื้นฐานมาก 

ราคาหุ้น DELTA ช่วงบ่าย เคลื่อนไหวอยู่ที่ 140.00 บาท ลบ 12.50 บาท หรือ 8.20% มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 4,468.71 ล้านบาท