คำศัพท์ประกันภัย สำหรับคนทำประกันวินาศภัย ต้องรู้
ข่าววันนี้ การทำประกัน ไม่ว่าจะเป็น "ประกันสุขภาพ" "ประกันอัคคีภัย" "ประกันน้ำท่วม" หรือ "ประกันภัยรถยนต์" ทุกประกันเหล่านี้เรียกว่า "ประกันวินาศภัย" ซึ่งขั้นตอนการทำประกันต่างๆ จะมีคำศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียก
คำศัพท์ประกันภัย สำหรับคนทำประกันวินาศภัย ต้องรู้
โดยเราจะต้องอ่านก่อนเซํนสัญญาทุกครั้ง หากใครที่กำลังจะทำประกัน หรือไม่เข้าใจคำศัพท์ประกันตัวไหน วันนี้ TrueID มีคำตอบมาให้
ประกันวินาศภัย คืออะไร
ประกันวินาศภัย คือ การที่ผู้รับประกันภัยตกลงจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหากเกิดความสูญเสียหรือเสียหายต่อทรัพย์สินที่ได้เอาประกันภัยไว้ ซึ่งความเสียหายนั้นสามารถประเมินมูลค่าหรือกำหนดเป็นวงเงินได้ เช่น บ้าน รถยนต์ โดยผู้เอาประกันภัยต้องชำระเบี้ยประกันภัย
ประเภทของการประกันวินาศภัย ได้แก่ การประกันอัคคีภัย (Fire Insurance) , การประกันภัยรถยนต์ (Motor Insurance) , การประกันภัยทางทะเล (Marine Insurance) รวมถึง การประกันภัยเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous Insurance)
คำศัพท์เกี่ยวกับ "ประกันวินาศภัย"
การบาดเจ็บโดยอุบัติเหตุ (ACCIDENT BODILY INJURY) | การบาดเจ็บทางร่างกายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ |
การประกันภัยอุบัติเหตุ (ACCIDENT INSURANCE) | (1) การประกันภัยบุคคล ทรัพย์สิน หรือความรับผิดต่อบุคคลภายนอกต่อการบาดเจ็บ สูญเสีย หรือเสียหายที่เกิดขึ้น นอกเหนือจากการประกันชีวิต การประกันอัคคีภัย หรือการประกันทางทะเล
|
การประกันอัคคีภัย (FIRE INSURANCE) | การประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายจากไฟ และยังอาจให้ความคุ้มครองถึงความเสียหายจากภัยอื่น ๆ ด้วยก็ได้ เช่น ความเสียหายจากพายุ การระเบิด |
การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักเนื่องจากอัคคีภัย (FIRE INTERRUPTION INSURANCE) | การประกันภัยที่คุ้มครองถึงความเสียหายทางการเงินอันเป็นผลต่อเนื่องจากความเสียหายจากไฟ หรือภัยอื่น ๆ ที่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย |
การประกันภัยน้ำท่วม (FLOOD INSURANCE) | การประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมหรืออุทกภัย |
การประกันภัยค่าระวาง (FREIGHT INSURANCE) | การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเสียหายที่เกิดจากการไม่ได้รับเงินค่าขนส่งสินค้าเนื่องจากเกิดความเสียหายกับยานพาหนะที่ใช้ขนส่งสินค้านั้น |
กรมธรรม์เบ็ดเสร็จ (BLOCK POLICY) | กรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เอาประกันภัย และอาจให้ความคุ้มครองถึงทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่ผู้เอาประกันภัยครอบครอง เช่น สินค้าฝากขายหรือเพื่อการซ่อมแซม โดยทั่วไปจะให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทั้งที่อยู่ในและนอกสถานที่ของผู้เอาประกันภัย กรมธรรม์ประเภทนี้ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยเกือบทุกประเภทรวมทั้งภัยจากการขนส่งด้วย |
การค้ำประกันกรมธรรม์ค้ำประกัน (BOND) | (1) การสัญญาว่าจะจ่ายค่าทดแทนหรือค่าปรับ ในกรณีที่บุคคลที่ได้ค้ำประกันไว้ตามกรมธรรม์ค้ำประกันไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันได้
|
การยกเลิกกรมธรรม์ (CANCELLATION) | การสิ้นสุดของกรมธรรม์โดยการบอกเลิก |
การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน, ค่าสินไหมทดแทน (CLAIM) | (1) การเรียกร้องของผู้เอาประกันภัยที่จะให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญาประกันภัย หรือสัญญาค้ำประกัน
|
การชน (COLLISION) | การปะทะของวัตถุ 2 สิ่ง ในกรมธรรม์ประกันภัยตัวเรือที่มีความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก การชนหมายถึงการที่เรือ 2 ลำชนกันหรือโดนกันเท่านั้น ส่วนการที่เรือชนกับวัตถุที่อยู่คงที่ เช่น สะพานที่ยื่นลงไปในทะเล ท่าเรือ ทุ่นลอยที่ผูกไว้ ข้อกำหนดการชนจะไม่คุ้มครอง |
การเกยตื้นที่แหล่งประจำ (CUSTOMARY STRANDINGS) | ในกรมธรรม์ประกันภัยตัวเรือ ผู้รับประกันภัยจะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบท้องเรือในกรณีที่เรือเกยตื้นหรือติดตื้น ถึงแม้ว่าการเกยตื้นหรือติดตื้นนั้นจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายใด ๆ ก็ตาม ยกเว้นกรณีที่เกยตื้นหรือติดตื้นในบางเขตที่ มักจะมีการเกยตื้นหรือติดตื้นอยู่เป็นประจำ |
การประกันภัยรถจักรยาน (CYCLE INSURANCE) | การประกันภัยรถจักรยานที่ให้ความคุ้มครองภัยต่าง ๆ ได้แก่ ความเสียหายจากอุบัติเหตุอัคคีภัย โจรกรรม และความรับผิดต่อบุคคลภายนอก |
การประกันภัยแผ่นดินไหว (EARTHQUAKE INSURANCE) | การประกันภัยความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหว โดยทั่วไปเป็นข้อยกเว้นไม่คุ้มครองในกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย แต่อาจจะซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม หรือซื้อกรมธรรม์ประกันภัยแผ่นดินไหวโดยเฉพาะก็ได้ |
การประกันภัยสินค้าระหว่างขนส่ง (GOODS-IN-TRANSIT INSURANCE) | การประกันภัยสินค้าที่อยู่ระหว่างการขนส่งทั้งในประเทศและระหว่างประเทศที่นอกเหนือจากการขนส่งโดยทางทะเลเพียงอย่างเดียว การประกันภัยนี้อาจจะให้ความคุ้มครองตัวสินค้าหรือความรับผิดชอบของผู้รับขนส่งสินค้า |
การประกันภัยสำหรับผู้อยู่อาศัย (HOUSEHOLDERS' INSURANCE) | การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองผู้อยู่อาศัยสำหรับภัยหลายชนิดรวมกัน ได้แก่ อัคคีภัย ภัยจากโจรกรรม และภัยอื่น ๆ ที่จะเกิดแก่ทรัพย์สิน ตลอดจนความรับผิดชอบของผู้อยู่อาศัยในฐานะผู้เช่า |
การประกันภัยสำหรับเจ้าของบ้าน (HOUSEOWNERS' INSURACNE) | การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเจ้าของบ้านสำหรับภัยหลายชนิดรวมกัน ได้แก่ อัคคีภัยและภัยอื่น ๆ ที่จะเกิดแก่อาคารตลอดจนความรับผิดของเจ้าของบ้านที่มีต่อบุคคลภายนอก |
การประกันชีวิตเพื่อซื้อบ้าน (HOUSE PURCHASE ASSURANCE) | การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์แบบหนึ่ง ซึ่งมีเงื่อนไขจะจ่ายเงินไถ่ถอนการจำนองครบกำหนด หรือเมื่อผู้เอาประกันภัยถึงแก่กรรมระหว่างนั้น |
การประกันภัยตัวเรือ (HULL INSURANCE) | การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวเรือ ไม่ว่าจะเป็นเรือเดินทะเลหรือเรือที่เดินในน่านน้ำ โฮเวอร์คราฟต์ เครื่องบิน รวมทั้งเครื่องจักร และเครื่องใช้ในเรือ โดยทั่วไปการประกันภัยตัวเรือทางทะเลนั้น ผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าเสียหายให้สำหรับความรับผิดจากการชนกันด้วย โดยชดใช้ให้ 3 ใน 4 ของความรับผิดที่เกิดขึ้น |
การโยนทิ้งทะเล (JITTISON) | การโยนสินค้าหรือสิ่งของใด ๆ บนเรือทิ้งลงไปในทะเล โดยเจตนาเพื่อให้การเดินเรือปลอดภัย ผู้ที่มีส่วนได้เสียในการเดินทางครั้งนี้จะต้องร่วมกันเฉลี่ยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว |
การสำรวจตัวเรือร่วมกัน (JOINT HULL SURVEY) | การสำรวจตัวเรือที่ผู้สำรวจความเสียหายของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประกันภัยทำร่วมกัน |
การเสียรายได้จากการรับจ้าง (LOSS OF ENGAGEMENT) | ในกรณีที่เรือเสียหายเนื่องจากภัยที่เอาประกันภัย เช่น การชน แล้วมีผลทำให้เจ้าของเรือต้องสูญเสียรายได้ไป ความสูญเสียนี้อาจจะเอาประกันภัยได้ |
การประกันภัยความเสียประโยชน์การใช้ (LOSS OF USE INSURANCE) | การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองถึงความสูญเสียการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่เอาประกันภัยไว้ เช่น รถยนต์ ถ้าเกิดเสียหายขึ้นก็จะขาดการใช้ประโยชน์ไป หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่ารถมาใช้ประโยชน์ ดังนั้น ผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือเงินค่าเช่ารถที่ต้องเสียไป |
การรับประกันภัยตัวเรือ (MARINE HULL INSURANCE) | การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากตัวเรือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ของเรือ และอาจให้ความคุ้มครองถึงความรับผิดบางกรณี |
การประกันภัยทางทะเล (MARINE INSURANCE) | การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวเรือ สินค้า รวมทั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล |
การประกันภัยจักรยานยนต์ (MOTOR CYCLE INSURANCE) | การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุแก่รถจักรยานยนต์ โดยทั่วไปจะให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ ผู้โดยสาร ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก |
การประกันภัยรถยนต์ (MOTOR INSURANCE) | การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุรถยนต์ โดยทั่วไปจะให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถผู้โดยสาร ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก |
การก่อวินาศกรรม (SABOTAGE) | การกระทำที่มุ่งประสงค์ร้ายเพื่อที่จะขัดขวางการดำเนินการทางการค้าและการบริการตามปรกติวิสัยหรือหน่วงเหนี่ยวการติดต่อสื่อสาร การกระทำดังกล่าวจะต้องมิใช่การกระทำของผู้เอาประกันภัย |
การประกันภัยต่ำกว่ามูลค่า (UNDER-INSURANCE) | การประกันภัยซึ่งมีเงินเอาประกันภัยน้อยกว่ามูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินนั้น ผลของการประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าจะทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่ำกว่าวินาศภัยที่เกิดขึ้นจริง |
ข้อกำหนดการเบี่ยงเส้นทางเนื่องจากน้ำแข็ง (ICE DEVIATION CLAUSE) | ข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยสินค้าทางทะเลที่ยินยอมให้เรือเปลี่ยนเส้นทางไปจากเดิมได้ เพื่อขนส่งสินค้าลงท่าเรือที่ใกล้ที่สุด ถ้าไม่สามารถไปท่าเรือปลายทางได้เนื่องจากมีน้ำแข็ง |
ข้อกำหนดการเปลี่ยนแปลงเส้นทาง (CHANGE OF VOYAGE CLAUSE) | ข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยสินค้าทางทะเลซึ่งระบุว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางเดินเรือหรือมีข้อผิดพลาดในรายละเอียดในการแจ้งส่วนได้เสีย หรือรายละเอียดเกี่ยวกับเรือหรือเส้นทางการเดินเรือแล้ว ถือว่ากรมธรรม์นั้นยังให้ความคุ้มครอง โดยจะมีการปรับจำนวนเบี้ยประกันภัยภายหลังให้ตรงตามสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป |
ข้อกำหนดการชน (COLLISION CLAUSE) | ข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยตัวเรือที่ให้ความคุ้มครองความรับผิดของเจ้าของเรือที่มีต่อบุคคลภายนอกในกรณีที่เรือชนกัน ส่วนมากผู้รับประกันภัยจะให้ความคุ้มครองเพียง 3 ใน 4 ส่วนของความรับผิด และเจ้าของเรือผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดส่วนที่เหลือ |
ข้อกำหนดการยกเลิกกรมธรรม์ (CANCELLATION CLAUSE) | ข้อกำหนดในกรมธรรม์ว่าด้วยการบอกเลิกสัญญา |
ข้อกำหนดความรับผิดสองฝ่าย (BOTH TO BLAME COLLISION CLAUSE) | ในสัญญาการขนส่งสินค้าทางทะเล ข้อกำหนดความรับผิดสองฝ่ายระบุว่า ในกรณีที่เรือชนกันและเป็นความผิดของทั้ง 2 ฝ่าย เจ้าของเรือมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เจ้าของสินค้าร่วมชดใช้ในความรับผิดของเจ้าของเรือด้วย ฉะนั้นในกรมธรรม์ประกันภัยสินค้าทางทะเลที่มีข้อกำหนดความรับผิดสองฝ่าย ผู้รับประกันภัยก็จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนในกรณีนี้ให้แก่เจ้าของสินค้า |
เขตแผ่นดินไหว (EARTHQUAKE ZONE) | (1) พื้นที่ที่มักเกิดแผ่นดินไหว
|
ข้อกำหนดว่าด้วยไฟฟ้า (ELECTRICAL CLAUSE) | ข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ให้ยกเว้นความคุ้มครองสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าผิดปรกติ และรวมทั้งการเกิดความร้อนในตัวเครื่องไฟฟ้าเอง |
ความเสียหาย,การเฉลี่ยค่าเสียหาย (AVERAGE) | (1) ความเสียหายในการประกันภัยทางทะเล หมายถึง ความสูญเสียหรือความเสียหาย
|
ค่าเสียหาย (DAMAGES) | จำนวนเงินที่ศาลตัดสินให้เป็นค่าทดแทนสำหรับความเสียหาย การสูญเสีย หรือการบาดเจ็บ |
ความเสียหายจากการกระแทก (CONTRACT DAMAGE) | ในการประกันภัยทางทะเล หมายถึงความเสียหายที่เกิดจากเรือหรือพาหนะขนส่งทางน้ำกระแทกกับวัตถุภายนอก ที่นอกเหนือจากน้ำและเรือลำอื่น ความเสียหายที่เกิดจากการกระแทกกับเรือลำอื่น เรียกว่า การชน |
ความเสียหายจากไฟเพราะแผ่นดินไหว (EARTHQUAKE FIRE DAMAGE) | ความเสียหายจากไฟอันเป็นผลจากหรือสืบเนื่องจากแผ่นดินไหว |
ความเสียหายจากการสั่นสะเทือนเพราะแผ่นดินไหว (EARTHQUAKE SHOCK DAMAGE) | ความเสียหายที่เกิดจากการสั่นสะเทือนเนื่องจากแผ่นดินไหว ซึ่งต่างจากความเสียหายจากไฟเพราะแผ่นดินไหว |
ความสิ้นสภาพ (LOSS OF SPECIE) | ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยซึ่งได้เกิดความเสียหายจนไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้งานได้อีกต่อไป เช่น รถจักรยายยนต์ที่ถูกชนอย่างหนัก หรือเสื้อผ้าที่ถูกเผาเป็นขี้เถ้า |
จำนวนเงินเอาประกัน (FACE AMOUNT) | จำนวนเงินที่ระบุในกรมธรรม์ ซึ่งผู้รับประกันภัยสัญญาจะชดใช้ให้ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ |
ตัวแทนจัดการความเสียหาย (AVERAGE AGENT) | บุคคลผู้ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ประเมินค่าเสียหายของสินค้า สำรวจและดูแลจัดการสินค้าที่ได้รับความเสียหาย |
ทรัพย์สินสละทิ้ง (MADE GOOD) | ในกรณีที่เกิดเหตุอันตรายต่อการเดินเรือซึ่งจำเป็นที่จะต้องสละสินค้าบางส่วนที่บรรทุกอยู่ในเรือหรือชิ้นส่วนของเรือบางชิ้น เช่น การโยนสินค้าลงทะเล เพื่อให้เรือเดินทางต่อไปได้โดยปลอดภัย ซึ่งผู้เป็นเจ้าของเรือหรือเจ้าของสินค้าจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายสำหรับสินค้าหรือชิ้นส่วนของเรือที่ได้สละไป |
น้ำค้างแข็ง (FROST) | ในการประกันภัยทางทะเล ความเสียหายที่เกิดจากน้ำค้างแข็งไม่ถือว่าเป็นภัยทางทะเล |
เบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ (MINIMUM PREMIUM) | จำนวนเบี้ยประกันภัยต่ำสุดต่อกรมธรรม์ที่ผู้รับประกันภัยกำหนดไว้สำหรับการประกันภัยบางประเภท เพื่อให้พอเพียงกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน |
ผู้รับประกันภัย (INSURER) | คู่สัญญาฝ่ายที่จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือจำนวนเงินเอาประกันให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์เมื่อมีเหตุการณ์ตามที่ระบุไว้ในสัญญาเกิดขึ้น |
ผู้เจรจาตกลงวินาศภัยทางทะเล (AVERAGE ADJUSTER) | บุคคลผู้ซึ่งประเมินและจัดสัดส่วนความเสียหายในการประกันภัยทางทะเลโดยเฉพาะในกรณีที่เป็นความเสียหายร่วม |
ผลประโยชน์ในการประกันภัย (BENEFIT OF INSURANCE) | ผลประโยชน์ที่ได้จากการประกันภัย |
ผลประโยชน์ซากทรัพย์ (BENEFIT OF SALVAGE) | ตามสัญญาการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผู้รับประกันภัยที่เป็นผู้จ่ายค่าทรัพย์สินที่เสียหายหรือทรัพย์สินที่ถูกทำลายเต็มตามมูลค่าของทรัพย์สินจะเป็นผู้มีสิทธิ์ในซากทรัพย์ที่เหลือ |
ผู้รับประโยชน์ (BENEFICIARY) | ผู้มีสิทธิ์ได้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย |
ผลประโยชน์ตามสัดส่วน (PROPORTIONATE BENEFITS) | ในการประกันสุขภาพแบบถาวรจะมีข้อกำหนดว่า ในกรณีผู้เอาประกันภัยเกิดทุพพลภาพสิ้นเชิงแต่สามารถประกอบอาชีพอื่นที่มีรายได้ ถ้ารายได้จากอาชีพใหม่น้อยกว่าอาชีพเดิมที่เคยได้รับ ผู้รับประกันภัยจะชดเชยให้ตามสัดส่วนของรายได้ที่ขาดไป เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้เฉลี่ยก่อนเกิดทุพพลภาพ |
ภัยขณะลำเลียง (CRAFT RISKS) | ภัยที่เกิดขึ้นในขณะที่สินค้ากำลังอยู่ในระหว่างการลำเลียงหรือขนถ่ายโดยเรือลำเลียง |
ภัยเนื่องจากเครื่องบิน (AIRCRAFT DEVICES,AERIAL DEVICES) | ความเสียหายของทรัพย์สินภาคพื้นดินที่เกิดจากเครื่องบินหรืออุปกรณ์เครื่องบิน หรือชิ้นส่วนที่ตกลงมาจากเครื่องบิน (ยกเว้นความเสียหายที่เกิดจากเสียงดังของเครื่องบิน) เป็นภัยเพิ่มซึ่งสามารถซื้อความคุ้มครองได้ตามกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย |
ภัยการระเบิด (EXPLOSION) | กรมธรรม์มาตรฐานของการประกันอัคคีภัยจะคุ้มครองความเสียหายเนื่องจากเพลิงไหม้ ไม่ว่าจะเกิดจากการระเบิดหรือไม่ก็ตาม และคุ้มครองภัยการระเบิดจากเครื่องใช้ที่ใช้ในบ้าน เช่น แก๊สที่ใช้สำหรับทำความร้อนหรือแสงสว่าง กรมธรรม์ดังกล่าวจะยกเว้นความเสียหายจากการระเบิดอื่น ๆ ไม่ว่าการระเบิดนั้นจะมีสาเหตุจากเพลิงไหม้หรือไม่ก็ตาม ถ้าผู้เอาประกันภัยประสงค์จะซื้อความคุ้มครองภัยการระเบิดจากสาเหตุอื่นก็สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ |
ภัยเพิ่มพิเศษ (EXTRANEOUS PERIL) | ภัยที่นอกเหนือจากภัยทางทะเลทั่วไปในการประกันภัยการขนส่งทางทะเล ภัยเพิ่มพิเศษจากปรกติเหล่านี้ได้แก่ การประมาทเลินเล่อ สินค้าขาดจำนวน การแตกรั่วไหลของหีบห่อ ในการประกันสรรพภัยสำหรับการขนส่งสินค้าทางทะเลจะให้ความคุ้มครองถึงภัยเพิ่มเหล่านี้ด้วย |
ภัยการเบี่ยงเส้นทางเนื่องจากน้ำแข็ง (ICE DEVIATION RIST) | การประกันภัยที่ผู้รับประกันภัยจะจ่ายเงินชดเชยตามน้ำหนักของสินค้าที่ขนถ่ายลงก่อนถึงท่าปลายทาง อันเนื่องจากท่าปลายทางมีน้ำแข็งหรือถูกปิดเนื่องจากน้ำแข็ง |
ภัยทางทะเล (PERILS OF THE SEA) | ตัวภัยหรือเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหาย ที่เป็นเหตุหรือตัวภัยที่เกิดขึ้นจากทะเล หรือเกิดจากสภาพปรกติในการเดินทางในทะเล เช่น ความเสียหายจากพายุ การชนกัน การเกยตื้น แต่ไม่รวมความเสียหายจากการสึกหรอซึ่งเกิดจากคลื่นลมตามปรกติ |
มูลค่า ณ ปลายทางหลังเสียหาย (ARRIVED DAMAGED VALUE) | มูลค่าของสินค้าที่คงเหลือเมื่อถึงปลายทาง ภายหลังจากที่เกิดความเสียหายในระหว่างการขนส่ง |
เมื่อหมดอายุ (AS EXPIRY) | คำที่ใช้เพื่อแสดงว่ากรมธรรม์หมดอายุ และจะต้องต่อสัญญาประกันภัยตามเงื่อนไขเดิม |
มูลค่าหลังเสียหาย (DAMAGED VALUE) | มูลค่าจริงของตัวเรือหรือสินค้าซึ่งได้รับความเสียหาย ประเมินราคา ณ จุดปลายทางในขณะที่มาถึง ในกรณีการประกันภัยตัวเรือมูลค่าหลังเสียหายจริงจะต้องเป็นมูลค่าที่ไม่รวมค่าซ่อมแซม ในกรณีการประกันภัยสินค้ามูลค่าหลังเสียหายรวม (gross damged value) ต้องเท่ากับมูลค่าหลังเสียหายจริงบวกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการขนถ่ายสินค้า ภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ส่วนมูลค่าหลังเสียหายสุทธิ (net value) คือมูลค่าหลังเสียหายจริงไม่รวมค่าขนถ่ายสินค้า ภาษี และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ |
โรคภัยเนื่องจากอาชีพ (OCCUPATIONAL DISEASE) | โรคภัยไข้เจ็บหรือสุขภาพทรุดโทรมอันเป็นผลเนื่องมาจากการทำงานให้นายจ้าง |
ระยะไม่คุ้มครอง (WAITING PERIOD) | ในการประกันวินาศภัย หมายถึงระยะเวลาหนึ่งซึ่งผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยตกลงว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้รับประกันภัยไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เช่น ในการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักอาจมีข้อตกลงว่า เมื่อเกิดวินาศภัยขึ้นและมีผลให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก ใน 7 วันแรกที่ธุรกิจต้องหยุดชะงักผู้รับประกันภัยจะไม่จ่ายเงินทดแทนให้ และจะเริ่มให้ความคุ้มครองเมื่อพ้นระยะเวลา 7 วันดังกล่าวแล้ว |
วันเริ่มเสี่ยงภัย (ATTACHMENT DATE) | วันที่สัญญาประกันภัยเริ่มให้ความคุ้มครอง |
วันครบกำหนด (DUE DATE) | วันถึงกำหนดที่จะต้องชำระค่าเบี้ยประกันภัย |
สัญญาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (CONTRACT OF INDEMNITY) | สัญญาชดใช้ความเสียหายหรือความสูญเสียทางการเงินให้กลับสู่สภาพเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ |
สัญญาประกันภัย (CONTRACT OF INSURANCE) | สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ในกรณีวินาศภัยหากมีขึ้น หรือในเหตุอย่างอื่นในอนาคตตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญา และในการนี้บุคคลอีกคนหนึ่ง ตกลงจะส่งเงินซึ่งเรียกว่า เบี้ยประกันภัย |
เหตุสุดวิสัย(ตามธรรมชาติ) (ACT OF GOD) | เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ปราศจากการข้องเกี่ยวของมนุษย์ และมนุษย์ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าหรือคาดการณ์ได้ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว |
หน้าที่เปิดเผยความจริง (DUTY OF DISCLOSURE) | ตามกฎหมาย ผู้ขอเอาประกันภัยมีหน้าที่ต้องเปิดเผยความจริงให้ผู้รับประกันภัยทราบถึงความจริงอันเป็นสาระสำคัญทั้งหมดของการประกันภัย กล่าวคือ ความจริงทั้งหมดที่ผู้รับประกันภัยจำเป็นต้องทราบเพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าจะรับประกันภัยหรือไม่ และหากรับจะมีเงื่อนไขประการใดบ้าง |
เหตุการณ์วินาศภัย (LOSS EVENT) | เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทำให้เกิดการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนทั้งหมดที่ผู้รับประกันภัยจะต้องจ่าย อันเกิดจากเหตุการณ์วินาศภัยเพียงเหตุการณ์เดียว เช่น แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งเดียวหรือหลายครั้งภายในเวลา 72 ชั่วโมงถือว่าเป็นเหตุการณ์วินาศภัยเพียงเหตุการณ์เดียว |
อัตราเฉลี่ย (AVERAGE RATE) | ในการประกันภัยทรัพย์สิน โดยเฉพาะการประกันอัคคีภัยที่มีการเอาประกันภัยทรัพย์สินหลายรายการในกรมธรรม์เดียวกัน มูลค่าและอัตราเบี้ยประกันภัยที่นำมาใช้จะได้จากการเฉลี่ยด้วยวิธีการให้น้ำหนัก |
อัตราเบี้ยประกันภัยทรัพย์สินในอาคาร (CONTENTS RATE) | อัตราเบี้ยประกันอัคคีภัยสำหรับทรัพย์สินที่อยู่ในอาคาร ซึ่งอาจจะแตกต่างกับอัตราเบี้ยประกันอัคคีภัยสำหรับตัวอาคาร |
ข้อมูลจาก ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก