รีเซต

ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร เราเหมาะกับประกันรถยนต์แบบไหน

ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร เราเหมาะกับประกันรถยนต์แบบไหน
EntertainmentReport1
9 พฤษภาคม 2568 ( 22:17 )
10

สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ในปัจจุบันจะเห็นว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ขนาดว่าเราขับรถอย่างระมัดระวังขนาดไหน แต่บางทีก็จะมีคนประมาทคนอื่นขับรถมาชนเราก็มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ หรือบางครั้งอาจเป็นเราเองที่ผิดพลาด จนทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่นก็มี ดังนั้นจะดีกว่ามั้ย แม้ว่าเราไม่สามารถห้ามอุบัติเหตุได้ แต่สามารถเลือกความคุ้มครองเพื่อปกป้องเราเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ นั่นก็คือประกันภัยรถยนต์นั่นเองครับ แต่ประกันรถยนต์แบบไหนจะเหมาะสมกับเรา วันนี้พวกเราทีมงาน TrueID จะมาเล่าให้ฟังแบบง่ายๆ กันครับ

 

ประกันภัยรถยนต์มีกี่ประเภท

ประกันภัยรถยนต์ในบ้านเราจะมีให้เลือก 5 ประเภทดังนี้

  • ประกันภัยชั้น 1 
  • ประกันภัยชั้น 2
  • ประกันภัยชั้น 2+
  • ประกันภัยชั้น 3 
  • ประกันภัยชั้น 3+

ประกันรถยนต์แต่ละแบบต่างกันอย่างไร เราเหมาะสมกับแบบไหน

ในประเทศไทย ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจสามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทหลักๆ ดังนี้ โดยแต่ละประเภทมีความคุ้มครองและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป:

 

  1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
  • จุดเด่น: ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด รวมถึงความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเอง ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ก็ตาม (เช่น ชนเอง, ล้มเอง), รถยนต์สูญหาย, ไฟไหม้, ภัยธรรมชาติ, รวมถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (ซ่อมเรา ซ่อมเขา)
  • เหมาะสำหรับ: รถใหม่, ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูงสุดและสบายใจในทุกสถานการณ์, ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูง โดยเฉพาะมือใหม่

 

  1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2
  • จุดเด่น: คุ้มครองความรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมถึงกรณีรถยนต์สูญหาย และไฟไหม้ 
  • ข้อจำกัด: ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเอง 
  • เหมาะสำหรับ: รถที่มีอายุมากขึ้น แต่ยังต้องการความคุ้มครองกรณีรถหายหรือไฟไหม้ และความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก

 

  1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ (ทูพลัส)
  • จุดเด่น: คุ้มครองเหมือนประกันชั้น 2 และเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเอง ในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกที่มีคู่กรณีเท่านั้น
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 แต่จ่ายเบี้ยประกันที่ถูกลง และมั่นใจว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี

 

  1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
  • จุดเด่น: คุ้มครองความรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเท่านั้น เบี้ยประกันถูกที่สุดในกลุ่มประกันภาคสมัครใจ
  • ข้อจำกัด: ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเอง และไม่คุ้มครองกรณีรถหายหรือไฟไหม้
  • เหมาะสำหรับ: รถที่มีอายุมาก หรือผู้ที่มีความชำนาญในการขับขี่สูง และต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน โดยยอมรับความเสี่ยงความเสียหายของรถตัวเอง

 

  1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ (ทรีพลัส)
  • จุดเด่น: คุ้มครองเหมือนประกันชั้น 3 และเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเองในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกที่มีคู่กรณีเท่านั้น (คล้าย 2+ แต่เบี้ยประกันถูกกว่าเล็กน้อย และวงเงินคุ้มครองอาจแตกต่างกัน)
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองในระดับหนึ่ง และต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันมากกว่าประกันชั้น 2+

 

 

สรุปจุดเด่นที่แตกต่างของแต่ละประเภท

  • ความครอบคลุมสูงสุด: ชั้น 1
  • คุ้มครองรถหาย/ไฟไหม้ + บุคคลภายนอก: ชั้น 2
  • คุ้มครองรถชนมีคู่กรณี + รถหาย/ไฟไหม้ + บุคคลภายนอก: ชั้น 2+
  • คุ้มครองเฉพาะบุคคลภายนอก (เบี้ยถูกสุด): ชั้น 3
  • คุ้มครองรถชนมีคู่กรณี + บุคคลภายนอก (เบี้ยถูกกว่า 2+): ชั้น 3+

การเลือกประเภทประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุรถยนต์, มูลค่ารถยนต์, ประวัติการขับขี่, งบประมาณ, และความต้องการความคุ้มครองของคุณ

 

 

นอกจากนี้ แม้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้การคุ้มครองสูงสุด แต่ในบางกรณีประกันก็สามารถเลี่ยงการคุ้มครองได้ เช่น การดื่มแล้วขับ การใช้รถในทางผิดกฏหมาย การแข่งขันความเร็วบนถนนหลวง การใช้รถยนต์ผิดประเภท หรือการดัดแปลงตัวรถโดยไม่แจ้ง ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทประกันภัย รวมถึงข้อมูลราคาค่าเบี้ยประกันของแต่ละบริษัท เพราะจะมีความแตกต่างอยู่บ้างตามเงื่อนไขต่างๆ และควรหาข้อมูลจากกลุ่มหรือผู้ใช้จริงต่างๆ ว่าประกันแต่ละบริษัทให้บริการดีหรือไม่อย่างไร อีกด้วย

Photo Credit : AI Generated

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง