เปรียบเทียบ กระบะตอนเดียว รุ่นไหนน่าใช้ปี 2025
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว True ID ทุกท่าน ปลายปีนี้เตรียมพบกับงาน Motor Expo 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2568 ที่ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี หรืออีกประมาณ 1 เดือนข้างหน้านี้ และสำหรับใครที่กำลังมองหารถเพื่อการพาณิชย์ หรือกระบะตอนเดียวดีๆ สักคัน วันนี้เรารวบรวมรถที่น่าสนใจมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแล้ว โดยจะเป็นการแนะนำสเปกเบื้องต้น และราคาเริ่มต้น มาดูกันว่ารุ่นไหนจะเหมาะกับเรากันบ้างครับ
Toyota Hilux Revo Standard Cab
Toyota Hilux Revo Standard Cab (ตอนเดียว) เป็นรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ที่เน้นความแข็งแกร่ง ทนทาน และประสิทธิภาพในการบรรทุก โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล GD Super Power ขนาด 2.8 ลิตร (1GD-FTV) ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ในรุ่นสูงสุด (2.8 Entry AT 4x4) พร้อมโครงสร้างแชสซีส์สุดแกร่งและช่วงล่างแหนบที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกหนักโดยเฉพาะ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือมีตัวเลือกที่หลากหลายถึง 8 เกรด รวมถึงรุ่นที่ไม่มีกระบะ (Chassis) สำหรับนำไปดัดแปลงต่อยอดธุรกิจ, ระบบความปลอดภัยที่ครบครันทั้ง VSC, TRC, HAC, และ TSC และเทคโนโลยี Fleet Telematics Service สำหรับการบริหารจัดการยานพาหนะและขนส่งครบวงจร ทำให้ Hilux Revo Standard Cab เป็นรถที่พร้อมลุยงาน สร้างกำไรได้เต็มที่ โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 584,000 บาท
Toyota Hilux Champ
Toyota Hilux Champ เป็นรถกระบะตอนเดียวที่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด "Affordable Price, Easy for Conversion" โดยมีจุดเด่นหลักคือราคาที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดในกลุ่มรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ และความง่ายในการดัดแปลง (Monozukuri) เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย โดยมาพร้อมตัวถังที่มีให้เลือกทั้งแบบช่วงล้อสั้นพิเศษ, ช่วงล้อสั้น, และช่วงล้อยาว รวมถึงกระบะท้ายที่เป็นพื้นเรียบไม่มีซุ้มล้อที่สามารถเปิดได้ 3 ทาง และมีขนาดความจุมากที่สุดในตลาดระดับเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร (2GD-FTV) ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร หรือมีรุ่นเครื่องยนต์เบนซินให้เลือกในบางเกรด มีรัศมีวงเลี้ยวแคบเทียบเท่ารถเก๋งเพื่อความคล่องตัวในการใช้งานในเมือง และมีระบบกันชนหน้าแบบแยกชิ้นที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 519,000 บาท
Isuzu D-Max Spark
Isuzu D-Max Spark (ตอนเดียว) เป็นรถกระบะเพื่อการพาณิชย์และงานบรรทุกที่เน้นความทนทานและความประหยัดน้ำมันตามเอกลักษณ์ของอีซูซุ โดยมีจุดเด่นหลักคือทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซล Ddi MAXFORCE ที่มีให้เลือกทั้ง 2.2 ลิตร (163 แรงม้า) และ 3.0 ลิตร (สูงสุด 190 แรงม้า) ซึ่งให้สมรรถนะที่แรงจัดและประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ พร้อมโครงสร้างตัวถังแบบ Ultra-High Tensile และแพลตฟอร์ม ISUZU DYNAMIC DRIVE PLATFORM ที่แกร่งทนทานรองรับงานบรรทุกหนักเต็มสมรรถนะ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือมีรุ่นกระบะพื้นเรียบที่สามารถเปิดได้ 3 ทาง ช่วยให้ขนของได้เยอะและสะดวก ไม่ติดซุ้มล้อ อีกทั้งยังมีรุ่น Professional 4x4 พร้อมระบบ Terrain Command และ E-Diff Lock สำหรับการลุยงานหนักในทุกสภาพเส้นทาง รวมถึงมีระบบความปลอดภัยพื้นฐาน เช่น ESC, TCS และ HSA โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 595,000 บาท
Ford Ranger XL
Ford Ranger XL (ตอนเดียว) เป็นรถกระบะตอนเดียวที่ถูกออกแบบภายใต้ดีเอ็นเอ "เกิดมาแกร่ง" ของ Ford โดยเน้นการใช้งานหนักและมีจุดเด่นอยู่ที่ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0L Turbo (กำลังสูงสุดและแรงบิดสูงสุดจะแตกต่างกันตามรุ่นย่อย) พร้อมดีไซน์ภายนอกที่แข็งแกร่งดุดันด้วยกระจังหน้าแบบใหม่ ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ และล้อกระทะเหล็กขนาด 16 นิ้วที่ทนทานและเกาะถนนได้ดี ฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการติดตั้ง พวงมาลัยไฟฟ้า ที่ช่วยลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ รวมถึงมีห้องโดยสารที่กว้างขวางตกแต่งด้วยวัสดุสีเข้มที่แข็งแกร่งแต่มีสไตล์ พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว (สำหรับรุ่นล่าสุด) ทำให้ Ranger XL เป็นรถกระบะสำหรับงานบรรทุกที่ยังคงความสะดวกสบายในการขับขี่ตามมาตรฐานของ Ford โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 732,000 บาท
Nissan Navara Single Cab
Nissan Navara Single Cab (ตอนเดียว) เป็นรถกระบะที่ออกแบบมาเพื่อความทนทานและพร้อมลุยงานบรรทุกหนัก โดยมีจุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ที่ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร ผสานกับโครงสร้าง แชสซีส์เหล็กกล้า ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุดถึง 1,090 กิโลกรัม และมีพื้นที่กระบะกว้างขวางเพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้า นอกจากนี้ยังมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) พร้อมระบบ Shift-on-the-fly และ 4LO เพื่อเพิ่มกำลังฉุดในเส้นทางสมบุกสมบัน โดยมีดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัยกับกระจังหน้าดุดัน และมั่นใจได้ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Nissan Safety Technology ที่ช่วยปกป้องทั้งทางราบและทางลุย โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 606,000 บาท
All-New Mitsubishi Triton Single Cab
All-New Mitsubishi Triton Single Cab (ตอนเดียว) ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด "แกร่งกว่า...กว้างกว่า คุ้มกว่า" โดยมีจุดเด่นหลักคือพื้นที่กระบะท้ายที่กว้างที่สุดในรถระดับเดียวกัน ทำให้บรรทุกสินค้าได้ปริมาณมาก ประหยัดต้นทุนการขนส่ง และมาพร้อมกับโครงสร้างแชสซีส์ใหม่ MEGA FRAME ที่ใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่มีน้ำหนักเบาลง เพื่อรองรับการบรรทุกหนักอย่างมั่นใจ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังใหม่ HYPER POWER เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.4 ลิตร เทอร์โบแปรผัน (High Power) ซึ่งให้กำลังที่แรงเต็มสมรรถนะ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมาพร้อมระบบ EASY SELECT 4WD ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับเคลื่อนได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องหยุดรถ และยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ครบครัน เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCL) และถุงลมนิรภัยคู่หน้าและบริเวณหัวเข่าด้านผู้ขับขี่ โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 609,000 บาท
MG Extender Giant Cab
MG Extender Giant Cab (ตอนเดียว) เป็นรถกระบะพันธุ์ยักษ์ที่โดดเด่นด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าคู่แข่งในตลาด และดีไซน์ที่แกร่งล้ำสมัยตามแนวคิด BRIT DYNAMIC โดยมีจุดเด่นหลักอยู่ที่ขุมพลังดีเซลคอมมอนเรล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลัง 161 แรงม้า และแรงบิด 375 นิวตัน-เมตร ซึ่งให้สมรรถนะแรงเต็มพิกัดแต่ประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้น มาพร้อมกับห้องโดยสารขนาดใหญ่สไตล์พรีเมียมที่ใช้วัสดุ Soft Touch ตกแต่งด้วยเบาะหนัง 2-Tone (ในรุ่นย่อยที่กำหนด) และหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว รวมถึงระบบอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย (ในรุ่นย่อยที่กำหนด) เสริมความมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป SYNCHRONISED PROTECTION SYSTEM และโครงสร้างตัวถังนิรภัย FULL SPACE FRAME พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ทำให้ Extender เป็นกระบะที่ให้มากกว่าความแกร่งและความคุ้มค่า โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 589,000 บาท
Suzuki Carry
Suzuki Carry (ซูซูกิ แครี่) เป็นรถกระบะขนาดเล็กสำหรับงานบรรทุกอเนกประสงค์ที่เน้นความคุ้มค่าและง่ายต่อการดัดแปลง โดยมีจุดเด่นหลักคือราคาที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดในกลุ่มรถกระบะเพื่อการพาณิชย์และกระบะบรรทุกแบบเรียบที่สามารถเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน ซึ่งช่วยให้การขนถ่ายสัมภาระสะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมพื้นที่กระบะบรรทุกขนาดใหญ่ และช่วงล่างที่แข็งแกร่งทนทานต่อการใช้งานหนัก ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน K15B ขนาด 1.5 ลิตร (71 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 97 แรงม้า) ระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 4.4 เมตร เพื่อความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและตามซอกซอย ทำให้รถรุ่นนี้เป็นที่นิยมในการนำไปดัดแปลงเสริมตู้หรือทำเป็นรถฟู้ดทรัคสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการลงทุนเริ่มต้นธุรกิจไม่มาก โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 395,000 บาท