โลกจับตาเวที “COP30” เจรจาเงินทุนช่วยประเทศเปราะบาง สู้ “โลกร้อน” จะสำเร็จหรือไม่?

1 ปีหลังจากการประชุม COP29 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน จบลงด้วยข้อตกลงเกี่ยวกับ “เรื่องการเงิน” ที่หลายฝ่ายมองว่ายังอ่อนแอเกินไป และไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประเทศกำลังพัฒนาได้อย่างเต็มที่ ขณะที่การประชุม COP30 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นที่เมืองเบเล็ง ประเทศบราซิล รายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายด้านการเงินสภาพภูมิอากาศกำลังถูกเปิดเผยมากขึ้น ว่าจะสามารถบรรลุได้หรือไม่ และเป้าหมายเหล่านั้นเพียงพอหรือไม่
เป้าหมายระดับโลกด้าน การเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศ ถูกกำหนดมาตั้งแต่ปี 2552 ที่การประชุมโคเปนเฮเกน โดยประเทศที่ร่ำรวยตกลงว่าจะจัดสรรเงิน 3.7 ล้านล้านบาทต่อปี ภายในปี 2563 เพื่อสนับสนุนมาตรการด้านสภาพภูมิอากาศในประเทศกำลังพัฒนา ข้อตกลงนี้ได้รับการยืนยันภายใต้ มาตรา 9 ของข้อตกลงปารีสปี 2558 ว่าประเทศพัฒนาแล้วต้องให้ทรัพยากรทางการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนา ทั้งในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัว
ในปี 2564 ประเทศเหล่านี้ตกลงเพิ่มเงินทุนด้านการปรับตัวจาก 7.4 แสนล้านบาท ในปี 2562 เป็น 1.48 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568 แต่เป้าหมายนี้ยังไม่สามารถบรรลุได้ ก่อนการประชุม COP29 ปีที่แล้ว และด้านประเทศกำลังพัฒนาหวังว่า เป้าหมายการเงินใหม่ (New Collective Quantified Goal - NCQG) จะตอบสนอง “ความต้องการและลำดับความสำคัญ” ของพวกเขา
ส่วนข้อตกลงที่บากูปีที่แล้วก็ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อ เพิ่มเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศให้ประเทศกำลังพัฒนาจากทุกแหล่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นอย่างน้อย 48.1 ล้านล้านบาทต่อปีภายในปี 2578 โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือประเทศพัฒนาแล้วต้องเป็นผู้นำจัดสรร อย่างน้อย 11.1 ล้านล้านบาทต่อปี ให้ประเทศกำลังพัฒนา สำหรับการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อย่างไรก็ดี ตัวเลขเหล่านี้ถูกมองว่ายังไม่ทะเยอทะยานเพียงพอ และทำให้หลายประเทศกำลังพัฒนารู้สึกผิดหวัง เพราะจำนวนเงิน นั้นใกล้เคียงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามคำมั่นสัญญาเดิมของประเทศและธนาคารพัฒนาระหว่างประเทศอยู่แล้ว โดยอาจทำให้การเงินเพื่อปรับตัวในการรับมือกับสภาพอากาศสูงถึง 9.8 ล้านล้านบาทภายในปี 2573
รายงาน State of Climate Action ระบุว่า การไหลของเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศทั่วโลกยังไม่เพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5°C แม้ว่าการลงทุนจะเพิ่มจาก 0.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 เป็น 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 แต่ยังต้องเร่งเพิ่มสี่เท่าของอัตราปัจจุบันเพื่อให้ทันเป้าหมายปี 2573
ขณะที่ COP30 ที่เบเล็ง กำลังจะเริ่มขึ้น ประเทศต่างๆ จะมองเรื่องการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศในมิติที่กว้างขึ้น เพราะเงินทุนถือเป็น “ตัวเร่งสำคัญ” ของการแก้ปัญหาโลกร้อน การลงทุนทุกดอลลาร์ในการแก้ปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศสามารถสร้างผลตอบแทนหลายด้าน ทั้งงาน การลดมลพิษอากาศ สุขภาพที่ดี ระบบพลังงานและอาหารที่มั่นคง
ผู้เชี่ยวชาญจาก Climate Action Network ระบุว่าประเทศต่าง ๆ จะพิจารณาทั้งระบบการเงินโลก รวมถึงการจัดการหนี้สาธารณะ การทำงานร่วมกับธนาคารพัฒนาหลายฝ่าย และแนวทางการจัดการเงินทุนที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้การเงินไปถึงประเทศที่เปราะบาง
การเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศ ในความหมายกว้างนั้นยังรวมถึงเงินทุนจากทุกแหล่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่รัฐบาล ธนาคาร และโครงการพัฒนาจนถึงครัวเรือนทั่วไปที่ลงทุนในพลังงานสะอาด ปีที่แล้ว เงินทุนด้านนี้รวมทั้งหมดเกิน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว (ราว 74 ล้านล้านบาท)
เป้าหมายใหม่ของ COP30 อาจรวมถึงการเพิ่มเงินทุนด้านการปรับตัวอย่างน้อย สามเท่าของเป้าหมายเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับคำเรียกร้องของกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด และรายงาน Baku to Belém Roadmap ของ UNFCCC วางกรอบการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยเน้นความต้องการของประเทศเปราะบาง รวมถึงรัฐเกาะเล็กและประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด เป็นการเปลี่ยนคำมั่นสัญญาจาก COP29 ให้เป็นแผนปฏิบัติที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการยอมรับของประเทศต่าง ๆ ใน COP30 โดยยังมีอุปสรรคสำคัญ เช่น หนี้ การเข้าถึงเครดิต และเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งในปี 2566 เงินอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 37 ล้านล้านบาท)
ขณะที่สหรัฐอเมริกาจะไม่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ โดยยุติโครงการด้านการเงินสภาพภูมิอากาศทั้งหมด ดังนั้นการขาดเสียงสนับสนุนจากสหรัฐก็ยังเป็นสร้างความท้าทายต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ และสำหรับ ประเทศเกาะเล็กและประเทศกำลังพัฒนาน้อย ที่ได้รับเงินทุนเพียง 5% ของเงินทุนทั้งหมด การประชุม COP30 ครั้งนี้เลยถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะไม่ได้เป็นเพียงเรื่องธุรกิจ แต่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดและความมั่นคงของประเทศเหล่านี้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
