รีเซต

คนไทยตายจากมะเร็งปอดกว่า 20,000 รายต่อปี ฝุ่นพิษเกี่ยวข้องหรือไม่?

คนไทยตายจากมะเร็งปอดกว่า 20,000 รายต่อปี ฝุ่นพิษเกี่ยวข้องหรือไม่?
TNN ช่อง16
5 มิถุนายน 2568 ( 14:33 )
10

เปิดข้อมูลช็อก คนไทยตายจากมะเร็งปอดปีละเท่าไร เชื่อมโยงฝุ่นพิษอย่างไร?

“ไม่สูบบุหรี่ ก็เป็นมะเร็งปอดได้” คำพูดที่เคยดูไม่น่าเชื่อในอดีต กำลังกลายเป็นข้อเท็จจริงทางการแพทย์ในวันนี้

ในขณะที่เราฉลอง “วันสิ่งแวดล้อมโลก” กันทุกวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี ยังมีความจริงอีกด้านที่อึดอัดและน่าตกใจไม่แพ้กัน นั่นคือ ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดมากกว่า 20,000 รายต่อปี และตัวเลขนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ไม่เคยแตะบุหรี่แม้แต่ครั้งเดียว

แต่คำถามสำคัญคือ อะไรคือสาเหตุ?

และ “ฝุ่นพิษ” โดยเฉพาะ PM2.5 มีบทบาทในเรื่องนี้อย่างไร?

มะเร็งปอด โรคที่ไม่ใช่แค่ของคนสูบบุหรี่

จากรายงานล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข (ข้อมูลปี 2566) พบว่า มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของโรคมะเร็งในประเทศไทย โดยมีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 23,000 คนต่อปี และเสียชีวิตเฉลี่ย วันละเกือบ 60 ราย

ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ จำนวนผู้ป่วยกลุ่มที่ “ไม่สูบบุหรี่” กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง และผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่หรือพื้นที่ที่มีปัญหามลพิษทางอากาศสูง

องค์การอนามัยโลก (WHO) เองก็ระบุอย่างชัดเจนว่า ฝุ่น PM2.5 ถูกจัดเป็นสารก่อมะเร็งระดับ Group 1 หรือ “ก่อมะเร็งในมนุษย์อย่างแน่นอน” โดยเฉพาะในอวัยวะระบบทางเดินหายใจ ซึ่งรวมถึงปอดโดยตรง

ฝุ่นจิ๋ว แต่พิษร้าย PM2.5 เข้าสู่ปอดอย่างไร?

PM2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ารูขุมขนมนุษย์ถึง 20 เท่า มันสามารถเล็ดลอดเข้าสู่ปอด และกระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของเนื้อเยื่อปอด ซึ่งอาจนำไปสู่เซลล์กลายพันธุ์และเกิดมะเร็งได้ในที่สุด

ข้อมูลจาก Global Burden of Disease (GBD) ยังระบุว่า ฝุ่น PM2.5 มีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดทั่วโลกมากถึง 14% โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรเมืองที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงต่อมลพิษ

ความเสี่ยงซ่อนอยู่ในทุกลมหายใจ

การศึกษาโดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ระบุว่า ช่วงต้นปี 2567 มีหลายพื้นที่ในประเทศไทยที่ค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยรายวัน สูงเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องถึง 30 วัน โดยเฉพาะจังหวัดในภาคเหนือและเขตกรุงเทพมหานคร

คำถามคือ… แล้วประชาชนทั่วไปจะหนีไปไหนได้?

ในเมื่อบ้านก็มีฝุ่น ออกนอกบ้านก็มีฝุ่น ขึ้นรถก็ยังมีฝุ่น ฝุ่น PM2.5 ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนเมืองไปแล้วแบบไม่รู้ตัว

“เผา” กับ “หายใจ” ฝุ่นมาจากไหน?

หนึ่งในต้นตอสำคัญของฝุ่น PM2.5 คือ “การเผาในที่โล่ง” ทั้งจากเกษตรกรรม และไฟป่า

ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ระบุว่า เพียงช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 มีจุดความร้อนหรือ Hotspot เกิดขึ้นในไทยกว่า 110,000 จุด โดยเฉพาะใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลเร่งตั้ง “เครือข่ายลดการเผา” อย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขในระดับเชิงโครงสร้าง ทั้งในด้านงบประมาณ แรงจูงใจชาวบ้าน หรือทางเลือกอื่นที่ยั่งยืนกว่าการเผา

สุขภาพ vs การเมืองฝุ่น ประชาชนอยู่ตรงไหน?

นโยบายลดฝุ่นมีอยู่หลายชุด หลายรัฐบาล แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่คือ “มาตรการทางกฎหมายที่บังคับใช้จริง” และระบบสาธารณสุขที่สามารถ “คัดกรองความเสี่ยงด้านมะเร็งจากฝุ่น” ได้ในระยะยาว

ในขณะเดียวกัน ฝ่ายนโยบายยังลังเลระหว่าง “การพัฒนากับการปกป้องสิ่งแวดล้อม” โดยประชาชนมักถูกทิ้งไว้กลางทาง ระหว่างการดีเบตของนักการเมือง นักธุรกิจ และนักวิชาการ

ทางออกมีไหม?

คำตอบคือมี…แต่ไม่ง่าย และต้องอาศัยความร่วมมือระดับนโยบายและปัจเจก

 • ภาครัฐ ต้องลงทุนจริงในระบบแจ้งเตือนและควบคุมมลพิษ พร้อมระบบตรวจสุขภาพกลุ่มเสี่ยง

 • ภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ต้องหาทางเลือกใหม่แทนการเผา

 • ภาคประชาชน ต้องรับรู้ความเสี่ยงของฝุ่น และเรียกร้องข้อมูลที่โปร่งใสจากรัฐ

เพราะท้ายที่สุด ทุกลมหายใจที่เราเลือกไม่ได้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคที่เราก็ไม่ได้อยากเจอ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง