น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระพันปีหลวง ผู้ทรงฟื้นฟู “โขน” ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย

ภายหลังสำนักพระราชวังประกาศการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 ปวงชนชาวไทยทั่วทุกสารทิศต่างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายความอาลัย และรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายและพระสติปัญญาอันเฉียบแหลม เพื่อเทิดทูน สืบสาน และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมของชาติให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทย หนึ่งในพระราชกรณียกิจที่ทรงอุทิศพระวรกายด้วยพระราชหฤทัยแน่วแน่ คือ การอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปะการแสดงโขน อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมชั้นสูงของชาติไทย
พระราชดำริแห่งการฟื้นฟูโขนไทย
สมเด็จพระพันปีหลวงทรงตระหนักถึงคุณค่าของ “โขน” ในฐานะศิลปะการแสดงชั้นสูงที่บรรจงรังสรรค์ด้วยวรรณศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์ และหัตถศิลป์ ทรงมีพระราชดำริว่าศิลปะอันทรงคุณค่านี้ไม่ควรเลือนหายไปตามกาลเวลา เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นว่าโขนเริ่มเสื่อมความนิยมในหมู่ประชาชน จึงมีพระราชดำรัสอันทรงคุณค่าไว้ว่า
“ถ้าไม่มีใครดู ฉันจะดูเอง”
ถ้อยพระราชดำรัสสั้น ๆ แต่เปี่ยมด้วยพระราชหฤทัยแน่วแน่ สะท้อนถึงพระปณิธานมั่นคงที่จะทรงธำรงมรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่คู่ผืนแผ่นดินไทย
พระราชกรณียกิจด้านการศึกษาและการฟื้นฟูศิลปะ
สมเด็จพระพันปีหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการศึกษาวิจัยรูปแบบการแสดง เครื่องแต่งกาย และเครื่องประกอบโขนจากหลักฐานในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อรวบรวมองค์ความรู้และฟื้นฟูแบบแผนโบราณให้ถูกต้องตามหลักราชประเพณี พระองค์ยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อจัดสร้างเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับใหม่ทั้งหมดให้มีความงดงามตามแบบโบราณราชประเพณี และเพื่อเป็นต้นแบบให้ศิลปินรุ่นหลังได้ศึกษาสืบต่อไป
พระราชดำริในการฟื้นฟูนี้ไม่เพียงมุ่งอนุรักษ์ หากยังทรงประยุกต์ให้ศิลปะอยู่ร่วมกับยุคสมัยอย่างสง่างาม โดยทรงส่งเสริมให้ผสมผสานเทคโนโลยี แสง สี เสียง และการจัดฉากร่วมสมัยเข้าไว้ในขอบเขตของความเป็นไทย เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
โขนพระราชทาน เวทีแห่งพระราชดำริ
ด้วยพระราชปณิธานที่ทรงมุ่งมั่นให้โขนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง พระองค์จึงทรงสถาปนา การแสดงโขนพระราชทาน ภายใต้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดแสดงครั้งแรกเมื่อวันที่ 24–25 ธันวาคม พุทธศักราช 2550 ตอน “พรหมมาศ” เพื่อเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และ 75 พรรษาแห่งสมเด็จพระพันปีหลวง
โขนพระราชทานได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นการแสดงประจำปีของชาติ การแสดงแต่ละครั้งมีการออกแบบอย่างประณีตทั้งด้านการแสดง ดนตรี เครื่องแต่งกาย และฉากประกอบ ทรงมุ่งหมายให้เป็นเวทีที่รวมศาสตร์ทุกแขนงของศิลปวัฒนธรรมไทยไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านศิลปะ
พระราชกรณียกิจด้านโขนยังครอบคลุมถึงการพัฒนาคน พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้เยาวชนจากทั่วประเทศได้เข้าฝึกฝนการแสดงโขนจากครูผู้ชำนาญการระดับปรมาจารย์ รวมถึงทรงสนับสนุนช่างฝีมือ ผู้ปักผ้า ช่างหัวโขน และศิลปินเบื้องหลังให้มีรายได้และความภาคภูมิใจในงานศิลป์ของตนเอง จึงทำให้การแสดงโขนพระราชทานมิได้เป็นเพียงเวทีศิลปะ แต่เป็น “โรงเรียนแห่งชีวิต” ที่หล่อหลอมศิลปินไทยรุ่นใหม่ขึ้นสู่เวทีโลก
การยกย่องในระดับนานาชาติ
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาญาณทางศิลปวัฒนธรรม “โขนไทย” ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2561 ให้เป็น “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ” การยกย่องนี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญแห่งความสำเร็จของพระราชกรณียกิจในการทำนุบำรุงศิลปะการแสดงของชาติไทย
สืบสานพระราชปณิธานแห่งโขนไทย
แม้สมเด็จพระพันปีหลวงจะเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่โครงการ “โขนพระราชทาน” ยังคงดำเนินต่อเนื่องตามพระราชปณิธาน โดยในปีพุทธศักราช 2568 การแสดงตอน “สัตยาพาลี” จะจัดขึ้นตามกำหนดเดิม ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อเทิดพระเกียรติและสืบสานพระราชกรณียกิจของพระองค์
การทำนุบำรุงศิลปะโขนของสมเด็จพระพันปีหลวง มิได้เป็นเพียงการอนุรักษ์ศิลปะการแสดง หากเป็นการปลุกจิตสำนึกให้คนไทยตระหนักในคุณค่าของความเป็นไทย พระองค์ทรงใช้ศิลปะเป็นพลังแห่งการเรียนรู้ การรวมใจ และการธำรงวัฒนธรรมอันงดงามของชาติ
ที่มาภาพ : https://chkc.coj.go.th/th/content/category/detail/id/10/iid/256266
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
