รีเซต

“โครงการป่ารักน้ำ” พระราชกรณียกิจ ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’ พระราชปณิธานที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย

“โครงการป่ารักน้ำ”  พระราชกรณียกิจ ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’  พระราชปณิธานที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย
TNN ช่อง16
27 ตุลาคม 2568 ( 11:00 )
16

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดธรรมชาติยิ่งนัก พระองค์เข้าพระทัยดีว่าป่าไม้  ต้นน้ำลำธารมีความสำคัญต่อชีวิตคนอย่างไรบ้าง จะทรงสอนข้าราชบริพารเสมอให้ช่วยรักษาป่า ระหว่างที่เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่นั้น หากทรงว่างพระราชกิจ ตกบ่ายๆ จะทรงพระราชดำเนินไปตามทางเท้าขึ้นเขาเข้าป่าไปเสมอ ถ้าทรงพบว่ามีคนทิ้งก้นบุหรี่ลงบนกองใบไม้แห้ง และไฟกำลังคุขึ้น จะทรงตำหนิและรับสั่งกับข้าราชบริพารว่าไม่ควรทิ้งเชื้อไฟลงในป่า เพราะใบไม้แห้งเป็นเชื้อไฟอย่างดี หากเกิดไฟไหม้ ไฟจะลุกลามไปอย่างรวดเร็วทำให้ดับยาก และจะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้อย่างมากมาย สัตว์ป่าจะแตกตื่นและอาจจะตายในกองไฟได้

ทุกครั้งที่ทรงพระดำเนินไปพบว่าไฟกำลังลุกอยู่ ณ จุดไหน จะทรงหยุดขบวนและมีพระราชเสาวนีย์ให้คนในขบวนไปดับไฟเสีย  หากลุกลามเกินกำลังที่จะดับกันเองได้ ก็มีพระราชเสาวนีย์ให้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้มาดำเนินการ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นที่จะอบรมชาวบ้านให้ช่วยกันรักษาป่า เช่น สมุดภาพที่โปรดเกล้าฯ ให้ทำขึ้นพระราชทานศาลารวมใจเมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว ก็ได้ทรงสอดแทรกเรื่องรักษาป่าและต้นน้ำลำธารไว้ด้วย

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทอดพระเนตรเห็นความเสื่อมโทรมของป่าไม้ ที่นำไปสู่ความแห้งแล้งของแผ่นดิน โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายพื้นที่ ซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งที่มีการสูบน้ำเกลือจากใต้ดินขึ้นมา เพื่อนำไปต้มเอาเกลือมาใช้ประโยชน์ บริเวณผิวดินนั้นจะปรากฏเป็นส่าเกลือแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้าง ในขณะที่บางแห่งเป็นดินที่มีแต่ฝุ่นทราย และถูกทิ้งร้างไว้นับเป็นสิบๆ ไร่ โดยไม่มีพืชพรรณเติบโตขึ้นได้ ประกอบกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของราษฎร ซึ่งได้ตัดไม้ใหญ่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ไม้แดง และไม้ประดู่เป็นจำนวนมาก เพียงเพื่อนำไปใช้เป็นฟืนในการต้มเกลือ

พระองค์ทรงวิตกว่า หากปล่อยไว้เช่นนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้องกลายเป็นทะเลทรายอย่างแน่นอน จึงทรงศึกษาค้นคว้า และทรงพบว่ารากต้นไม้จะอุ้มน้ำจืดเอาไว้ และน้ำจืดจะไปกดน้ำเค็มที่อยู่ในพื้นดินใต้รากลงไป ทำให้น้ำเค็มหรือดินเค็มไม่สามารถลอยตัวขึ้นมาข้างบนได้ เมื่อต้นไม้ถูกตัดมากๆ และนานเข้า ดินเค็มจะลอยตัวขึ้นมา เมื่อดินมีสภาพเป็นดินเค็มทำการเพาะปลูกไม่ได้ผล ราษฎรก็จะไม่มีที่ทำกิน และผืนดินก็จะยิ่งแห้งแล้งขาดความอุดมสมบูรณ์ต่อไปยิ่งๆ ขึ้น เนื่องจากต้นไม้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นดินนั้น 

ดังนั้น พระองค์จึงมีพระราชดำริฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติโดยอาศัยความร่วมมือของประชาชน ด้วยทรงตระหนักว่าการรักษาป่าไม้ไว้ให้ได้นั้น จำเป็นต้องสร้างความรู้สึกรักและหวงแหนต้นไม้ให้เกิดแก่ประชาชนเสียก่อน โดยให้ประชาชนรักป่าเหมือนเป็นสมบัติของตนเอง "โครงการป่ารักน้ำ" จึงถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๕ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นแห่งแรก ณ บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร 

“โครงการป่ารักน้ำ” เป็นพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่จะบรรเทาวิกฤติการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง พระองค์ทรงตรัสว่า “ขาดน้ำ ทุกชีวิตสิ้นสุดทันที” การรักษาแหล่งน้ำไว้เป็นที่พึ่งพาอาศัยของมวลสัตว์โลกทั้งหลายนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด “น้ำ” นอกจากจะมีประโยชน์ในการอุปโภคและบริโภคกับคนแล้ว ยังมีประโยชน์กับระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่าทุกชนิด เพราะเป็นการฟื้นฟูสภาพของป่าที่เสื่อมโทรมบริเวณของต้นน้ำลำธาร ให้กลับสภาพเป็นพื้นที่ดูดซับน้ำได้เหมือนเดิม ซึ่งการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่า จะทำให้พื้นที่บริเวณป่าชุ่มชื้น อุดมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เป็นการรักษาป่าและต้นน้ำลำธาร ของพื้นที่ป่าและบริเวณใกล้เคียงได้เป็นอย่างดียิ่ง

โครงการป่ารักน้ำ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวน ๕ โครงการ ได้แก่

    1. โครงการป่ารักน้ำ บ้านถ้ำติ้ว ตำบลส่องดาว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร

    2. โครงการป่ารักน้ำ บ้านป่ารักน้ำ ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร

    3. โครงการป่ารักน้ำ บ้านกุดนาขาม ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร

    4. โครงการป่ารักน้ำ บ้านจาร ตำบลม่วง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร

    5. โครงการป่ารักน้ำ บ้านทรายทอง ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง