รีเซต

“ลาบูบู้” ไม่ใช่เจ้าแรก ย้อนรอย “อาร์ตทอย” พลิกธุรกิจสู่หุ้นแสนล้าน

“ลาบูบู้” ไม่ใช่เจ้าแรก ย้อนรอย “อาร์ตทอย” พลิกธุรกิจสู่หุ้นแสนล้าน
TNN ช่อง16
22 กรกฎาคม 2568 ( 09:53 )
5

ในชั่วโมงนี้ ถ้าพูดถึง “ลาบูบู้” ก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก “อาร์ตทอย” สุดฮิต ที่สร้างกระแสความนิยมไปในหลายประเทศ  แต่เจ้าลาบูบู้นี้ กลับไม่ใช่ของเล่นของสะสมเจ้าแรกที่สร้างมูลค่านับหมื่นล้าน แต่ในอดีตก็เคยมีอาร์ตทอยที่เคยพลิกหน้าธุรกิจ และสร้างมูลค่านับแสนล้านมาแล้ว

ลาบูบู้ อาร์ตทอยที่สร้างความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็ต้องเห็นเจ้าอาร์ตทอยที่มีคาร์แรคเตอร์คล้ายกับมอนสเตอร์ฟันน้ำนมตัวน้อยตัวนี้อยู่ข้างกายเหล่าสาวกอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ก่อนหน้าที่เจ้าลาบูบู้จะสร้างปรากฎการณ์ความนิยมอยู่ในปัจจุบัน ในอดีตที่ผ่านมาก็มีอาร์ตทอยที่สร้างปรากฎการณ์ และสามารถพลิกธุรกิจสู่ระดับแสนล้านมาแล้ว

“Cabbage Patch Kids” ที่มีจุดเริ่มต้นในช่วงทศวรรษที่ 1980 จากตุ๊กตาหน้าอ้วนกลมที่มีผมเปียแบบไหมพรม และมาพร้อมกับลูกเล่นที่สร้างสีสันด้วยเอกสารการรับเลี้ยง “บุตรบุญธรรม” ทำให้เจ้าตุ๊กตาหัวฟูตัวนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจนพ่อแม่มากมาย ที่ต้องต่อแถวยาวเหยียดตามร้านค้าต่างๆ เพื่อหาซื้อ Cabbage Patch Kids หรือในสมัยนั้นมีการเรียกกันว่าเข้าแถวเพื่อขอเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมกันเลยที่เดียว ซึ่งทำให้เจ้่า Cabbage Patch Kids มียอดขายมากกว่า 90 ล้านตัวทั่วโลกในยุคที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งในปัจจุบันก็มีคนรับเลี้ยงเจ้าตุ๊กตาบุตรธรรมนี้ไปแล้วมากกว่า 140 ล้านตัวทั่วโลก ซึ่งคาดว่าสามารถสร้างยอดขายได้หลักหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Cabbage Patch Kids ถูกสร้างสรรค์โดย Xavier Roberts และจำหน่ายครั้งแรกโดย Coleco ได้กลับมาเปิดตัวอีกครั้งในปี 2004 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการกลับมาของของเล่นยอดนิยมอื่นๆ ในยุค 80 ได้แก่ Strawberry Shortcake, Care Bears และ Teenage Mutant Ninja Turtles หรือเจ้าเต่านินจาที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง

ซึ่งในปัจจุบันได้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ Cabbage Patch Kid ในชื่อ Baby Land General Hospital ตั้งอยู่ในคลีฟแลนด์ รัฐจอร์เจีย ซึ่งเข้าตุ๊กตาเหล่านี้ได้รับการบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศของเล่นแห่งชาติของอเมริกาในปี 2023

จนมาถึงในช่วงกลางทศวรรษ 1990 "Beanie Babies" อาร์ตทอยที่ครองใจคนรักตุ๊กตา ของเล่นตัวนุ่มนิ่มในราคา 5 ดอลลาร์นี้ สร้างสีสันด้วยชื่อน่ารัก ๆ ประทับอยู่บนป้าย Ty Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิต และจัดจำหน่าย โดยในแต่ละซีรี่ย์ก็มีการผลิตออกมาในจำนวนจำกัด ซึ่งก็สามารถขายได้หลายล้านตัวทั่วโลก โดย Ty Inc. มีรายได้ในปี 2024 ราว 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเจ้า Beanie Babies ก็ทำให้ไท วอร์เนอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ก็กลายเป็นมหาเศรษฐีในระยะเวลาเพียงแค่สามปี

ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีคนที่ชื่นชอบ และสะสมเจ้า Beanie Babies อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเหล่าผู้ใหญ่ที่ยังคงหลงไหลกับความน่ารักของตุ๊กตาสีสันสดใสในวัยเด็ก ที่มีชื่อของเค้าเองปักอยู่ที่ป้ายบนตุ๊กตา ทำให้เกิดการซื้อขาย แลกเปลี่ยนกันบนอีคอมเมิร์ซอย่างกว้างขวาง ซึ่งบางตัวก็มีมูลค่าสูงถึงหลายพันดอลลาร์สหรัฐฯ

มาถึงในช่วงปลายยุคทศวรรษ 1990 และ 2000 ชื่อของ “ทามาก็อตจิ” สัตว์เลี้ยงดิจทัลที่ไม่ต้องรับผิดชอบในชีวิตจริง จากผู้ผลิต Bandai ของญี่ปุ่น ของเล่นพลาสติกรูปทรงไข่ที่เปิดตัวครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในปี 1996 และกลายเป็นกระแสฮิตไปทั่วโลก โดยเจ้าของทามาก็อตจิตัวนี้ มีหน้าที่ดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนจริงของพวกเขา ด้วยการกดปุ่มที่จำลองการให้อาหาร การฝึกสอน และการเล่นกับสัตว์เลี้ยงบนหน้าจอ ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์เลี้ยงดิจทัล เจ้าทามาก็อตจิก็สามารถตายได้ ถ้าหากเจ้าของละเลยที่จะดูแล

โดยที่ Bandai ได้เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวในปี 2005 ซึ่งเจ้าทามาก็อตจินี้ถูกขายไปแล้วมากกว่า 94 ล้านเครื่องทั่วโล และ Bandai มีรายได้ในปี 2024 ราว 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งในปี 2013 ทามาก็อตจิได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในรูปแบบแอปพลิเคชันบนมือถือ จำลองประสบการณ์การเล่นของเล่นพลาสติกแบบพกพาในอดีตได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยของเล่นชิ้นนี้ได้รับการบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศวิดีโอเกมโลกไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ Bandai ยังเป็นเจ้าของลิขสิทธิเกมส์ และการ์ดสะสม One Piece  รวมถึง Mobile Suit Gundam อีกด้วย

แล้วก็มาถึงในยุคของเจ้าลาบูบู้ อาร์ตทอยที่เป็นผลงานการออกแบบของ  Kasing Lung ศิลปิน และนักวาดภาพประกอบชาวฮ่องกง ที่ไปเติบโตในเนเธอร์แลนด์ โดยลาบูบู้ปรากฏตัวครั้งแรกในรูปแบบสัตว์ประหลาดที่มีหู และฟันแหลมในหนังสือภาพ 3 เล่ม ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานนอร์ดิกในปี 2015 และในปี 2019 Kasing Lung ได้ตกลงทำข้อตกลงกับ Pop Mart บริษัทสัญชาติจีน ในการจัดจำหน่ายตุ๊กตาลาบูบู้ให้กับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และนักสะสมของเล่น

จนกระทั่งในปี 2023 Pop Mart เริ่มขายตุ๊กตาลาบูบู้ในรูปแบบพวงกุญแจในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ ซึ่งกลายเป็นว่าเจ้าสัตว์ประหลาดฟันน้ำนมตัวนี้จะไปปรากฏตัวอยู่ทุกหนทุกแห่งทั่วโลก ไม่พ้นเหล่าซุปเปอร์สตาร์อย่าง ริฮานน่า,  คิม คาร์เดเชียน และดิลลอน บรูคส์ สตาร์ดังแห่ง NBA รวมถึง “ลิซ่า Blackpink” ที่เริ่มโพสต์รูปลาบูบู้ของเธอให้กับผู้ติดตามกว่า 100 ล้านคนบน Instagram และ TikTok ซึ่งก็เป็นเหมือนการจุดพลุลูกใหญ่พร้อม ๆ กันให้คนทั่วทั้งโลกได้รู้จักปีศาจน้อยแสนน่ารักตัวนี้

หลังจากนั้น ลาบูบู้ ก็ประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง สามารถพลิกหน้าธุรกิจของ Pop Mart ได้อย่างมหาศาล จากที่มีรายได้ 23.70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2017 Pop Mart มีรายได้เพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าเป็นมากกว่า 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ซึ่งรายได้ 22% ของ Pop Mart ก็มาจากเจ้าลาบูบู้นี้เองที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ากำไรของ Pop Mart ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 350%

จากความสำเร็จของลาบูบู้ ส่งผลให้ Pop Mart กลายเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นมากกว่า 600% นับจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2020 ด้วยราคา IPO ที่ 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในปัจจุบันหุ้น Pop Mart มีราคาอยู่ที่ประมาณ 32 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น ซึ่งเราก็สามารถลงทุนในหุ้น Pop Mart ผ่านทาง DR ได้ในหุ้น POPMART80 ได้อีกด้วย

ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ของเล่น หรือใครหลาย ๆ คนบอกว่าเป็นของสะสม เป็นอาร์ตทอย แต่ไม่ใช่ของที่ทำออกมาเล่น ๆ อาร์ตทอยเหล่านี้ถูกสร้างสรรค์ และออกแบบออกมาอย่างตั้งใจ ด้วยจินตนาการ และความคิดที่ละเอียดอ่อน ทำให้อาร์ตทอยเหล่านี้ สามารถสร้างปรากฏการณ์ความนิยม และสร้างมูลค่ามหาศาลจนกลายเป็นของเล่นหมื่นล้าน แสนล้านในปัจจุบัน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง