”อสังหากทม.-ปริมณฑล" เปิดตัวใหม่ 8.3 หมื่นยูนิต คอนโดฟื้นแซงหน้าแนวราบ

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) จัดสัมมนา ”สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล” โดยนายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2565 จะมีโครงการเปิดตัวใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 83,608 หน่วย เพิ่มขึ้น 62.2% มูลค่า 386,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น76.6%

ในจำนวนนี้เป็นบ้านจัดสรร 39,089 หน่วย เพิ่มขึ้น28.2 % มูลค่า 209,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7 % และอาคารชุด 44,519 หน่วย เพิ่มขึ้น 111.5% มูลค่า 177,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น184.7% ซึ่งเป็นการมาเคลื่อนไหวอีกครั้งหลังชะลอตัวไป 2 ปี

โดยคาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 77,222 หน่วย เพิ่มขึ้น 24.7% มูลค่า 346,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% แยกเป็นบ้านจัดสรร 35,466 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.4 % มูลค่า 180,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% อาคารชุด 41,756 หน่วย เพิ่มขึ้น 40.1% มูลค่า 165,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34%

ทั้งนี้จำนวนหน่วยเหลือขายยังคงเป็นตัวเลขที่น่าจับตา แม้ว่ามีแนวโน้มลดลงมาอย่างต่อเนื่องซึ่งคาดว่า ณ สิ้นปี 2565 จะมีหน่วยเหลือขายคงค้างอยู่ในตลาด 160,472 หน่วย ลดลง2.7 % มูลค่า 762,810 ล้านบาท ลดลง 4.5% แยกเป็นบ้านจัดสรร 91,586 หน่วย ลดลง10.5% มูลค่า 478,035 ล้านบาท ลดลง8.8% อาคารชุด 68,887 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.1% มูลค่า 284,775 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 3.7%

นายวิชัยกล่าวว่า จากภาพรวมทั้งหมดส่งผลให้การขายที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีอัตราดูดซับ 3.5% โดยบ้านจัดสรรจะอยู่ที่2.8% และอาคารชุดอยู่ที่ 4.4% ถือเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งหลังปี 2563-2564

สำหรับปี  2565 ยังต้องระมัดระวัง หากมีการระบาดโควิค 19 มากจนต้องมีการล็อกดาวน์ จะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่กระเตื้องขึ้นเท่าที่ควร  บ้านมือสองอาจจะเป็นสินค้าทดแทนบ้านใหม่ และมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ความผันผวนของราคาน้ำมันส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นการเปิดตัวโครงการใหม่ ต้องมีข้อมูลรองรับเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะกลับมาสู่ภาวะปกติในปี 2566