กินเจสะพัด4.6หมื่นล้าน หนุนยอดขายTVO-NRF
ทันหุ้น –สู้โควิด –เปิดโผหุ้นได้รับอานิสงส์เทศกาลกินเจ ชู TVO-NRF-CPALL แนวโน้มยอดขายพุ่ง หนุนเม็ดเงินสะพัดจากความต้องการสินค้าที่สูง ส่อง TVO เชื่อกำไรจะเติบโตก้าวกระโดด ส่วน NRF การบริโภคอาหารสุขภาพหนุนกำไร ด้าน CPALL ยอดขายฟื้นตัวดี การท่องเที่ยวดีขึ้น
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โดยปกติแล้วบรรยากาศเทศกาลกิจเจจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภค ทั้งกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนรวมถึงคนทั่วไป ซึ่งให้ความสนใจเข้าร่วมเทศกาลกินเจ ทำให้ความต้องการอาหาร รวมไปถึงการดัดแปลงอาหารเจ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก และจากการสำรวจไปในหุ้นกลุ่มอาหาร ที่จะได้รับอาสงค์จากเทศกาลกินเจได้ ได้แก่ บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TVO ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลือง(ตราองุ่น)
บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสินค้าในกลุ่มอาหารประเภทโปรตีนจากพืช (Plant-based Food) และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ซึ่งในช่วงเทศกาลกิจเจจะมีการจำหน่ายสินค้าอาหารดัดแปลงที่เป็นอาหารเจจำนวนมาก ทำให้ทั้งสามบริษัทนี้จะมียอดขายที่ดีขึ้นในช่วงเทศกาลกิจเจและคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในระดับหนึ่งในช่วงเทศกาลกิจเจ เห็นได้จากสถิติในหลายปีที่ผ่านมา
*เงินสะพัด 4.6 หมื่นล้าน
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงการสำรวจความคิดเห็นประชาชนจำนวน ตัวอย่าง เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจ ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 17-25 ตุลาคม 2563 นี้ พบว่าเทศกาลกินเจปีนี้คาดว่าจะไม่คึกคักจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าเทศกาลกินเจปีนี้จะมีเงินสะพัดช่วงเทศกาลประมาณ 46,967 ล้านบาท ขยายตัว 0.9% แต่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 13 ปีนับตั้งแต่ปี 2551 ที่ผ่านมา
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง TVO ว่าราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จากโอกาสของการเกิดปรากฎการณ์ลานีญ่าที่สูงมากถึง 65-80%ในช่วงไตรมาส 4/2563 จนถึงไตรมาส 1/2564 ทำให้มีการปรับสมมติฐานอัตรากําไรขั้นต้นและกําไรสุทธิปี 2564 จะเติบโตก้าวกระโดด รวมถึงราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี2564 ของ TVO เพิ่มขึ้น (ไปอยู่ที่ 40 บาท) เนื่องจากการคาดการณ์อัตรากําไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก การเกิดปรากฎการณ์ลานีญ่า อีกทั้งแนวโน้มของราคาถั่วเหลืองโลกจะนําไปสู่การปรับขึ้นของราคาขายกากถั่วเหลือง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2564จะอยู่ในระดับสูงที่ 7.5%
*NRF ธุรกิจอาหารเติบโตสูง
ด้าน NRF ว่าเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสูงกว่าธุรกิจอาหารทั่วไป จากแนวโน้มการบริโภคอาหารสุขภาพ และมีความเป็นได้ว่ากำไรจะเติบโตสูงกว่าที่ประเมินไว้ เบื้องต้นการคาดการณ์การเติบโตของกำไรหลัก (EPS) 100%สำหรับปี 2564 และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ 52% (ปี 2563-2565)
ทั้งนี้ NRF ยังมีอัพไซด์เพิ่มอีก หากสามารถทำยอดขายได้ถึง 3 พันล้านบาทภายในปี 2567 จะมีกำไรเพิ่มขึ้นอีก 12% จากประมาณการเดิมของฝ่ายวิจัย แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 8 บาท อิง PER 66.66 เท่า หากเทียบกับเคียงกับ Beyond Meat (BYND US Equity) จะพบว่ามี PER ที่สูง เป็น 290 เท่า
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ( ประเทศไทย ) จำกัด ระบุถึง CPALL ว่า ยอดขายต่อสาขาเริ่มกระเตื้องขึ้นในไตรมาส 3/2563และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อในไตรมาส 4/2564ซึ่งเป็นช่วงที่คาดว่าการจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวในประเทศจะคึกคักขึ้น ตามปัจจัยฤดูกาลและมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลทั้งนี้แม้ว่า CPALL จะไม่ได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการคนละครึ่งและมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน แต่ก็ได้อานิสงค์บวกทางอ้อมจากการที่มีสาขา 1.2หมื่นแห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศพอควร จึงให้ราคาพื้นฐาน CPALL ไว้ที่ 81.50 บาท