โคคา-โคล่า และแบรนด์ดังกว่า 90 แห่ง ประกาศระงับโฆษณาบนเฟซบุ๊ก

วันนี้ (29 มิ.ย.63) โคคา-โคล่า (Coca-Cola) บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มอัดลมรายใหญ่ของโลกประกาศ จะระงับการโฆษณาบนเฟซบุ๊กทั่วโลกเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน เพื่อประเมินนโยบายการโฆษณาของบริษัทใหม่ ว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไขหรือไม่ ท่ามกลางกระแสต่อต้านเนื้อหาที่สร้างความเกลียดชัง หรือ #StopHateforProfit บนสื่อสังคมออนไลน์

ด้าน เจมส์ วินซีย์ ประธานและซีอีโอของ "โคคา-โคล่า" ยังระบุว่า บนโลกนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับการเหยียดเชื้อชาติและสีผิว และสื่อสังคมออนไลน์ก็ไม่ควรมีพื้นที่สำหรับการเหยียดสีผิวด้วยเช่นกัน นอกจากนี้  ควินซีย์ ยังเรียกร้องให้บริษัท social media ต่างๆ เพิ่มความรับผิดชอบ และความโปรงใสมากขึ้นด้วย 

ท่าทีของ "โคคา-โคล่า" เกิดขึ้น แม้ว่า "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก" ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเฟซบุ๊ก จะออกมาประกาศว่าเฟซบุ๊กจะเริ่มติดแถบคำเตือน (Tag) โพสต์ที่เผยแพร่เนื้อหาที่สร้างความเกลียดชัง และเป็นการปลุกระดมให้การเกิดความรุนแรงทางการเมืองและสังคมไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากชนวนเหตุการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์

โดยผู้จัดแคมเปญ Stop Hate for Profit ได้อ้างว่า เฟซบุ๊กไม่ได้ดำเนินมาตรการยุติเนื้อหาที่สร้างความเกลียดชัง และข้อมูลเท็จมากเพียงพอ ขณะที่ "ทวิตเตอร์" ได้ใช้มาตรการป้องกันกับการโพสต์ที่ละเมิดนโยบายหลายครั้ง รวมทั้งทวีตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ แต่เนื้อหาแบบเดียวกันนั้นกลับยังไม่ได้รับการปิดกั้นบนเฟซบุ๊ก

ส่งผลให้จนถึงตอนนี้ มีบริษัทชั้นนำระงับการซื้อโฆษณาบนเฟซบุ๊กมากกว่า 90 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น "ยูนิลิเวอร์" ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ "เวอไรซอน คอมมูนิเคชั่นส์" บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของสหรัฐฯ แบรนด์ไอศกรีม "เบน แอนด์ เจอร์รีส์" แบรนด์เสื้อผ้า "เอ็ดดี้ บาวเออร์" แบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กลางแจง "นอร์ธเฟซ" รวมถึงสตูดิโอภาพยนตร์ "แมกโนเลีย พิกเจอร์ส" ด้วย