เอาไงต่อ TISCO รอด หรือ ร่วง ?
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ส่องหุ้น TISCO หรือ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยฝ่ายวิจัยมีความมั่นใจในแผนธุรกิจของ TISCO สำหรับปี 2566 ซึ่งมีเป้าหมายคงอัตราการเติบโตใน ปี 2565 ผ่านนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงในช่วงปี 2563-64 บริษัทฯ มีอัตรา การเติบโตของสินเชื่อสุทธิเฉลี่ยอยู่ที่ -9% CAGR จากการลดลงอย่างสม่ำเสมอของสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนต่ำ (สินเชื่อบริษัทเช่าซื้อและที่อยู่อาศัย) และสินเชื่อความเสี่ยงสูง (สินเชื่อเพื่อ การพาณิชย์)
ในขณะที่สินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อรถแลกเงิน (Auto Cash) โตอย่างมีนัยสำคัญโดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 17% ของสินเชื่อรวม ณ. สิ้นปี 2565 จาก 11% ณ. สิ้นปี 2560 ฝ่ายวิจัยคิดว่ากลยุทธ์ดังกล่าวน่าจะช่วยให้ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ปรับตัวได้ดี ขึ้นในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น (ตั้งเป้าให้ NIM ในปี 2023 ลดลงไม่เกิน 50bp จาก 5% ในปีที่ แล้ว) เนื่องจากพอร์ตส่วนมากเป็นสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ (73%) ในขณะที่เงินฝาก ส่วนมากมีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นภายใน 1 ปี
กำไรสุทธิQ2/66 น่าจะอ่อนตวัจากค่าธรรมเนียมที่ลดลง
ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิ Q2/66 ไว้ที่ 1.76พันลบ. ลดลง 2% q-q และ 5% y-y จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจค้าหลักทรัพย์และบริหารสินทรัพย์ในท่ามกลางสภาวะตลาดทุนที่ตกต่ำรวมถึงธุรกิจ Bancassurance ซึ่งอยู่ในฤดูที่ซบเซา
ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ น่าจะโตดีโดยมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อสุทธิใน Q2/66 อยู่ที่ 5% q-q และ 13.7% y-y (หลังโต4% ในช่วง 5M66) ส่วนมากจากสินเชื่อบรรษัทและสินเชื่อเพื่อโครงการสาธารณูปโภค สินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงและ Auto Cash โดยคาดว่า NIM จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.84% (-5bp) ในช่วงดังกล่าวจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
NPL น่าจะปรับขึ้น แต่ต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ (Credit cost) น่าจะอยู่ในระดับที่จัดการได้
จากนโยบายเพิ่มสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง NPL มีแนวโน้มปรับขึ้นแต่น่าจะยังอยู่ในเป้าของ ธนาคารฯ ในปี 2566 ที่ 2.50% (จาก 2.13% ใน Q1/66)
อย่างไรก็ดีปัจจัยดังกล่าวไม่น่าจะสร้าง ภาระให้แก่ Credit cost จากนโยบายการจัดสรรสำรองจำนวนมากในตอนต้น (Front-loading) อันเข้มงวดที่มีมาตั้งแต่เกิดโรคระบาด ด้วยเหตุดังกล่าวสัดส่วนส ารองต่อหนี้ด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ. สิ้นไตรมาส Q1/66 ยังทรงตัวในระดับสูงถึง 248% ซึ่งแม้ธนาคารฯ จะ มองว่าสูงเกินไป ตัวเลขดังกล่าวได้มีส่วนช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาระผลขาดทุนทางเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ในปี 2566 ได้อย่างมีนัยสำคัญโดย TISCO คาดว่า ECL จะทรงตัวใน ระดับต่ำที่ 34bp ในปี 2566 (คาดไว้ที่ 30bp)
คำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 111 บาท**