“ทรีนีตี้” คว้าดีลที่ปรึกษาดัน “NKT” ระดมทุนใน SET พร้อมตุนงานเพียบ IPO 12-14 บริษัท M&A 8-10 ดีล
#ทันหุ้น - “ทรีนีตี้” รุกหนักธุรกิจ “วาณิชธนกิจ” ล่าสุดคว้าดีลที่ปรึกษาดัน "โรงพยาบาลนครธน” เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังเสนอขายหุ้นไอพีโอพร้อมเข้าซื้อขาย 20 ธ.ค.นี้ ขณะที่มีงานในมืออีกเพียบ ทยอยนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก 12-14 บริษัทในอีก 2 ปีข้างหน้า มองธุรกิจวาณิชธนกิจยังโตต่อเนื่อง และตลาด IPO ยังสดใส พร้อมเพิ่มทีมวาณิชธนกิจที่มีประสบการณ์ด้านการควบรวมกิจการ (M&A) มีฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ขณะนี้มีดีล M&A ในมือแล้ว 8-10 ดีล ครอบคลุมในเกือบทุกอุตสาหกรรม
ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจการให้บริการด้านวาณิชธนกิจของทรีนีตี้ว่า ธุรกิจวาณิชธนกิจมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะสั้น เริ่มเห็นความชัดเจนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐบาลที่ทยอยกันออกมา รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการกำกับดูแลต่างๆ มาบังคับใช้ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นอีกครั้ง
โดยภาพรวมของการบริการด้านวาณิชธนกิจกลับมาคึกคัก และมีความสดใสชัดเจนขึ้น บางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 จนชะลอแผนการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มทยอยกลับเข้ามาบ้างแล้ว โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งมองว่าตลาดทุนคือแหล่งเงินทุนที่สำคัญ ทำให้ธุรกิจวาณิชธนกิจยังมีโอกาสเติบโตได้มากในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทมีดีลใหญ่ของปี คือการเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ให้กับบริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) ซึ่งคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 นี้ และในปี 2568 คาดว่าจะมียื่นแบบคำขออนุญาตกับสำนักงาน กลต. เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 2-3 บริษัทซึ่งอยู่ในหมวดบริการ และค้าปลีก
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการจัดตั้งทีมวาณิชธนกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้าน M&A เป็นพิเศษเพิ่มขึ้น อีก 1 ทีม ซึ่งจะมาเป็นส่วนที่เสริมทัพธุรกิจวาณิชธนกิจของทรีนีตี้ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเรามีความเชี่ยวชาญ ทั้งเรื่องการเตรียมระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (IPO) มีประสบการณ์ด้านการควบรวมกิจการ (M&A) ที่มีฐานลูกค้าต่างประเทศ ได้แก่ อินเดีย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และในประเทศแถบตะวันออกกลาง
โดยในปี 2568-2569 บริษัทคาดว่าทีมวาณิชธนกิจของบริษัททั้ง 2 ทีม จะมีลูกค้าที่เตรียมระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ประมาณ 12-14 บริษัท และบริษัทที่ร่วมทำ M&A 8-10 ดีล ครอบคลุมในเกือบทุกอุตสาหกรรม และจะทยอยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาด MAI ภายในปี 2569 -2570 ในหมวดอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น Service, Commerce, Consumer Products, Finance&Securities, Transportation&Logistic, Chemicals, ICT ,Healthcare, Wellness, Sustainable Living Solutions, Food Processing, Food and Beverage และ Fintech เป็นต้น