รีเซต

อาการเสียทั่วไปของมอเตอร์ไซค์ และวิธีแก้ไขเบื้องต้น

อาการเสียทั่วไปของมอเตอร์ไซค์ และวิธีแก้ไขเบื้องต้น
EntertainmentReport1
11 กรกฎาคม 2568 ( 00:36 )
33

การรู้ถึงอาการเสียทั่วไปของมอเตอร์ไซค์และการแก้ไขเบื้องต้นจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันบนท้องถนนได้ และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมเล็กๆ น้อยๆ ได้อีกด้วยดังนั้นลองมาดูกันว่าปัญหาเหล่านี้หากเกิดขึ้นแล้ว เราควรทำอย่างไรบ้างในเบื้องต้น

 

 

Image by juanbosco from Pixabay

1. สตาร์ทไม่ติด/สตาร์ทติดยาก

อาการนี้เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดและสร้างความหงุดหงิดให้ผู้ขับขี่ได้มากที่สุด โดยเราอาจเจออาการดังนี้

  • อาการ:
    • บิดกุญแจแล้วไฟหน้าปัดไม่ติด หรือติดหรี่ๆ
    • กดสตาร์ทแล้วไม่มีเสียงอะไรเลย หรือมีเสียง "แชะๆ" เบาๆ
    • สตาร์ทมือไม่ติด แต่สตาร์ทเท้าติด (สำหรับรถที่มีสตาร์ทเท้า)
    • สตาร์ทติดแล้วดับทันที
  • สาเหตุเบื้องต้น:
    • แบตเตอรี่อ่อน/หมด: เป็นสาเหตุอันดับ 1 ไฟหน้าปัดไม่ติด ไฟติดหรี่ สตาร์ทมือไม่ทำงาน
    • หัวเทียนบอด/สกปรก/เสื่อม: จุดระเบิดไม่สมบูรณ์ ทำให้สตาร์ทติดยาก หรือติดแล้วดับ
    • ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงมีปัญหา:
      • น้ำมันหมด (แน่นอน!)
      • น้ำมันท่วมคาร์บูเรเตอร์ (สำหรับรถคาร์บูเรเตอร์)
      • ปั๊มติ๊กไม่ทำงาน (สำหรับรถหัวฉีด)
      • ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน
    • ระบบไฟไม่สมบูรณ์: ฟิวส์ขาด, สายไฟหลวม, รีเลย์สตาร์ทเสีย
    • ขาตั้งข้างไม่เก็บ/ไม่ได้คลัตช์: รถบางรุ่นมีระบบเซฟตี้ หากขาตั้งข้างยังกางอยู่ หรือยังไม่บีบคลัตช์ (สำหรับรถเกียร์ธรรมดา) จะสตาร์ทไม่ติด
  • วิธีแก้ไขเบื้องต้น:
    • เช็กแบตเตอรี่: ลองบีบแตร ดูว่าเสียงดังปกติไหม หรือลองใช้สายพ่วงแบตเตอรี่/พาวเวอร์แบงค์สตาร์ท (ถ้ามี) หากสตาร์ทติด แสดงว่าแบตเตอรี่อ่อน ต้องนำไปชาร์จหรือเปลี่ยนแบตใหม่
    • เช็กน้ำมัน: ตรวจสอบปริมาณน้ำมันในถังว่ามีเหลือหรือไม่
    • เช็กหัวเทียน: หากพอมีความรู้ ลองถอดหัวเทียนออกมาดูว่าดำหรือเปียกน้ำมันหรือไม่ ลองทำความสะอาดหัวเทียนแล้วใส่กลับเข้าไป แล้วลองสตาร์ทใหม่อีกครั้ง
    • รถคาร์บูเรเตอร์น้ำมันท่วม: ลองบิดคันเร่งสุดค้างไว้ แล้วสตาร์ทเท้า (ย้ำ: สำหรับรถคาร์บูเรเตอร์เท่านั้น) เพื่อไล่น้ำมันส่วนเกินออกไป
    • เช็กขาตั้งข้าง: ดันขาตั้งข้างขึ้นให้สุดก่อนสตาร์ท
    • เช็กฟิวส์: ตรวจสอบกล่องฟิวส์ว่ามีฟิวส์ขาดหรือไม่

 

 

2. เครื่องยนต์เดินเบาไม่เรียบ/สั่น/รอบตก

  • อาการ: เครื่องยนต์สั่นผิดปกติขณะเดินเบา, รอบเครื่องยนต์ไม่นิ่ง ขึ้นๆ ลงๆ, บางครั้งก็ดับ
  • สาเหตุเบื้องต้น:
    • หัวเทียนเสื่อม/สกปรก: การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์
    • คาร์บูเรเตอร์สกปรก/หัวฉีดตัน: การจ่ายน้ำมันไม่สม่ำเสมอ
    • ไส้กรองอากาศสกปรก: อากาศเข้าไปในเครื่องยนต์ได้ไม่พอ
    • วาล์วรั่ว/ตั้งวาล์วไม่ถูกต้อง: การอัดกำลังไม่สมบูรณ์
    • เซ็นเซอร์ผิดปกติ (รถหัวฉีด): เช่น เซ็นเซอร์ TPS, เซ็นเซอร์รอบเดินเบา
  • วิธีแก้ไขเบื้องต้น:
    • ทำความสะอาด/เปลี่ยนไส้กรองอากาศ: หากสกปรกมาก
    • เช็กหัวเทียน: ทำความสะอาดหรือเปลี่ยน
    • สำหรับรถคาร์บูเรเตอร์: ลองปรับสกรูปรับอากาศ/รอบเดินเบา (ถ้ามี) แต่ควรให้ช่างผู้ชำนาญเป็นผู้ปรับจะดีกว่า

 

3. ควันออกท่อไอเสียผิดปกติ

  • อาการ:
    • ควันขาว: ออกมาจากท่อไอเสีย
    • ควันดำ: ออกมาจากท่อไอเสีย
  • สาเหตุเบื้องต้น:
    • ควันขาว:
      • เครื่องหลวม/ลูกสูบ-แหวนลูกสูบสึกหรอ: น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปในห้องเผาไหม้แล้วถูกเผาไหม้
      • ซีลวาล์วรั่ว: น้ำมันเครื่องซึมเข้าห้องเผาไหม้
      • น้ำมันเครื่องเกินระดับ (ไม่น่าจะถึงกับมีควันขาวมาก): อาจจะแค่ทำให้เครื่องหนืด
    • ควันดำ:
      • ส่วนผสมน้ำมันหนาเกินไป (น้ำมันเยอะไป): สำหรับรถคาร์บูเรเตอร์ อาจเกิดจากหัวนมหนูใหญ่ไป หรือกรองอากาศตัน
      • ไส้กรองอากาศสกปรกมาก: อากาศเข้าไม่พอ การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
      • หัวฉีดสกปรก/เสีย (รถหัวฉีด): ฉีดน้ำมันไม่เป็นฝอย
  • วิธีแก้ไขเบื้องต้น:
    • ควันขาว: มักเป็นอาการที่ต้องนำเข้าอู่เพื่อโอเวอร์ฮอลเครื่องยนต์ หรือเปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอ
    • ควันดำ: ตรวจสอบไส้กรองอากาศและทำความสะอาด/เปลี่ยน, สำหรับรถคาร์บูเรเตอร์อาจต้องให้ช่างจูนส่วนผสมน้ำมันใหม่, สำหรับรถหัวฉีดอาจต้องให้ช่างล้างหัวฉีด

 

 

4. เบรกมีปัญหา

  • อาการ:
    • เบรกไม่อยู่/เบรกลึกผิดปกติ: ต้องกำเบรก/เหยียบเบรกลึกกว่าปกติ
    • เบรกมีเสียงดัง: เสียงเอี๊ยดอ๊าด หรือเสียงเหล็กสีกัน
    • เบรกติด/จานเบรกร้อนผิดปกติ: เบรกร้อนจัด แม้จะไม่ได้ใช้งานหนัก
    • เบรกจม: กำเบรกแล้วรู้สึกยุบลงไปโดยไม่มีแรงต้าน
  • สาเหตุเบื้องต้น:
    • ผ้าเบรกหมด/สึกหรอ: เป็นสาเหตุหลักของการเบรกไม่อยู่หรือมีเสียงดัง
    • น้ำมันเบรกพร่อง/รั่วซึม: ทำให้เบรกจม
    • จานเบรกคด/เป็นร่อง: ทำให้เบรกสั่นหรือมีเสียงดัง
    • ลูกสูบคาลิปเปอร์เบรกติด/สกปรก: ทำให้ผ้าเบรกจับจานไม่สมบูรณ์ หรือเบรกติด
    • สายเบรกเป็นสนิม/ตาย (สำหรับดรัมเบรก): ทำให้เบรกติดขัด
  • วิธีแก้ไขเบื้องต้น:
    • ตรวจสอบผ้าเบรก: ดูว่าผ้าเบรกเหลือน้อยแล้วหรือยัง ถ้าเหลือน้อยต้องเปลี่ยน
    • ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก: หากพร่อง ให้เติม (ใช้เบอร์ที่ถูกต้อง) แต่ถ้าพร่องบ่อยอาจมีรอยรั่วซึมต้องหาจุดรั่ว
    • ล้างทำความสะอาดชุดเบรก: หากสกปรกอาจช่วยให้เสียงเบาลง (แต่ถ้าเสียงดังจากผ้าเบรกหมด ต้องเปลี่ยน)
    • ควรนำเข้าอู่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด: หากเบรกมีปัญหา อย่าขับขี่ต่อเพราะอันตรายมาก

 

5. โซ่หย่อน/ดัง/ขาด (สำหรับรถโซ่)

  • อาการ:
    • โซ่หย่อนมากผิดปกติ
    • มีเสียงดัง "แก๊กๆ" หรือ "ครืดๆ" ขณะขับขี่
    • โซ่ขาดกลางทาง
  • สาเหตุเบื้องต้น:
    • โซ่หย่อนเกินไป: ไม่ได้ตั้งโซ่ตามระยะทาง
    • โซ่สกปรก/ขาดการหล่อลื่น: ทำให้เกิดการสึกหรอเร็วและมีเสียงดัง
    • สเตอร์สึกหรอ/ฟันแหลม: สเตอร์ใช้งานหนัก ทำให้โซ่กินสเตอร์และเกิดเสียงดัง
    • โซ่หมดอายุ: ใช้งานมานานเกินไป
  • วิธีแก้ไขเบื้องต้น:
    • ตั้งโซ่: ใช้ประแจตั้งโซ่ให้มีความหย่อนพอดีตามคู่มือรถ (มักจะประมาณ 2-3 ซม.)
    • ทำความสะอาดและหล่อลื่นโซ่: ใช้แปรงขัดทำความสะอาดคราบสกปรก แล้วฉีดสเปรย์หล่อลื่นโซ่ (Chain Lube)
    • ตรวจสอบสเตอร์: หากฟันสเตอร์แหลม หรือมีร่องรอยการสึกหรอมาก ควรเปลี่ยนทั้งชุดโซ่และสเตอร์
    • พกตัวตัดโซ่/โซ่สำรอง: สำหรับการเดินทางไกล (หากโซ่ขาด)

 

 

6. ยางรั่ว/ลมยางอ่อนบ่อย

  • อาการ:
    • ยางแบน/ลมยางอ่อน
    • ลมยางอ่อนบ่อยผิดปกติ แม้ไม่ได้โดนอะไรมา
  • สาเหตุเบื้องต้น:
    • โดนตะปู/ของมีคมตำ: เป็นสาเหตุหลัก
    • จุ๊บลมยางรั่ว: ยางเก่า, จุ๊บเสื่อมสภาพ
    • ขอบยางในกับกระทะล้อไม่สนิท (สำหรับยาง Tubeless): อาจมีสิ่งสกปรกติด หรือยางเก่า
  • วิธีแก้ไขเบื้องต้น:
    • ปะยาง: ถ้ารั่วจากการโดนตำ
    • เปลี่ยนจุ๊บลม: หากสงสัยว่าจุ๊บลมรั่ว
    • ตรวจสอบยาง: หากยางเก่ามาก มีรอยแตกลายงา หรือดอกยางหมด ควรเปลี่ยนยางใหม่

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

  • อ่านคู่มือรถ: คู่มือรถยนต์คือแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดสำหรับรถของเราครับ ซึ่งบอกทั้งวิธีใช้งาน การบำรุงรักษา และอาการเสียเบื้องต้น
  • นำเข้าอู่/ศูนย์บริการ: หากไม่มั่นใจในการแก้ไข หรืออาการเสียไม่หาย ควรนำมอเตอร์ไซค์เข้าอู่ หรือศูนย์บริการที่ไว้ใจได้ทันที การแก้ไขผิดวิธีอาจทำให้อาการหนักขึ้น
  • บำรุงรักษาตามระยะทาง: การนำรถเข้าเช็กตามระยะทางที่กำหนดจะช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ และยืดอายุการใช้งานของรถ
  • สังเกตความผิดปกติ: การสังเกตเสียง กลิ่น การสั่นสะเทือน หรือพฤติกรรมการขับขี่ที่เปลี่ยนไปของรถ จะช่วยให้คุณตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

การดูแลมอเตอร์ไซค์อย่างสม่ำเสมอ และมีความรู้พื้นฐาน จะช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและราบรื่นยิ่งขึ้นครับ ขอให้เพื่อนๆ ปลอดภัยในการเดินทางทุกท่านครับ

Photo Credit : AI Generated

ข่าวที่เกี่ยวข้อง