รีเซต

ความปลอดภัยในการชาร์จ EV ที่บ้าน สิ่งที่ควรรู้ ควรระวัง และคำแนะนำ

ความปลอดภัยในการชาร์จ EV ที่บ้าน สิ่งที่ควรรู้ ควรระวัง และคำแนะนำ
EntertainmentReport1
29 ตุลาคม 2568 ( 08:00 )
44

การเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ผู้ใช้สามารถชาร์จรถได้อย่างสะดวกสบายที่บ้าน แต่เนื่องจากการชาร์จ EV เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณที่สูงและต่อเนื่อง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยในการชาร์จที่บ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บทความนี้จะสรุปสิ่งที่เจ้าของรถ EV ควรรู้และควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยสูงสุดครับ

 

 

สิ่งที่ควรรู้: ความพร้อมของระบบไฟฟ้าในบ้าน

หัวใจสำคัญของความปลอดภัยในการชาร์จ EV ที่บ้านคือ ระบบไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานและเพียงพอ เนื่องจากเครื่องชาร์จ (EV Charger) ใช้พลังงานสูงกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปมาก โดยเราควรปฎิบัติดังนี้

 

 

  1. ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า:
    • ควรตรวจสอบ: มิเตอร์ไฟฟ้าในบ้านต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะรองรับการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในบ้านรวมกับการชาร์จ EV การไฟฟ้าแนะนำให้ใช้มิเตอร์ขนาด 30(100) แอมป์ ขึ้นไปสำหรับไฟฟ้า 1 เฟส (หมายถึง มิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 30 แอมป์ ที่สามารถรองรับการใช้ไฟได้สูงสุดถึง 100 แอมป์) หรือ 15(45) แอมป์ สำหรับไฟฟ้า 3 เฟส
    • หากมิเตอร์เล็กไป: ต้องติดต่อการไฟฟ้าเพื่อขอเปลี่ยนหรือเพิ่มขนาดมิเตอร์
  2. การติดตั้งระบบไฟฟ้าเฉพาะ:
    • ควรทำ: ควรติดตั้งตู้ควบคุมไฟฟ้า (Consumer Unit) และสายไฟเมนใหม่ที่แยกออกมาเฉพาะสำหรับการชาร์จ EV โดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้รบกวนระบบไฟฟ้าเดิมของบ้าน
    • สายไฟเมน: ต้องเลือกใช้สายไฟที่มีขนาดเหมาะสมและได้มาตรฐาน เพื่อรองรับกระแสไฟฟ้าสูงและป้องกันความร้อนสะสมที่อาจนำไปสู่ไฟฟ้าลัดวงจร
  3. อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่ว:
    • จำเป็นอย่างยิ่ง: ต้องติดตั้ง อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่ว (Residual Current Device - RCD) หรือ เบรกเกอร์ป้องกันไฟฟ้ารั่ว (RCBO) ซึ่งควรเป็นชนิดที่ออกแบบมาสำหรับ EV Charger โดยเฉพาะ (แนะนำ RCD Type B) เพื่อตัดวงจรทันทีเมื่อเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วลงดิน และป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด
  4. ระบบสายดิน (Grounding):
    • สำคัญมาก: ควรติดตั้ง หลักดินแยก สำหรับ EV Charger โดยเฉพาะ ไม่ควรใช้สายดินร่วมกับระบบไฟฟ้าทั่วไปในบ้าน และต้องมั่นใจว่าการต่อสายดินเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ควรระวังและคำแนะนำเพื่อความปลอดภัย

 

 

นอกจากการติดตั้งที่ได้มาตรฐานแล้ว พฤติกรรมการใช้งานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยมีข้อควรระวังดังนี้

ข้อควรระวัง

คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย

การติดตั้งในพื้นที่เสี่ยง

ติดตั้งในที่ร่มและแห้ง: แม้ว่า EV Charger จะมีมาตรฐานกันน้ำ (IP Rating) แต่ควรติดตั้งในบริเวณที่มีหลังคาป้องกันแดดและฝนโดยตรง หลีกเลี่ยง บริเวณที่มีน้ำขังหรือความชื้นสูง และห่างจากวัตถุไวไฟ

การใช้มือเปียกชื้น

ห้ามสัมผัสอุปกรณ์ด้วยมือเปียก: ก่อนเสียบหรือถอดสายชาร์จ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามือและสายชาร์จแห้งสนิท เพื่อป้องกันไฟฟ้าดูด

ความเสียหายของสายชาร์จ

ตรวจสอบสายชาร์จสม่ำเสมอ: ก่อนใช้งานทุกครั้ง ควรมองหาสัญญาณความเสียหาย เช่น รอยฉีกขาด รอยไหม้ หรือรอยบุบ หากพบความเสียหายควรงดใช้และติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญทันที

การใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

เลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน: ควรเลือกซื้อและติดตั้ง EV Charger ที่มีมาตรฐานรับรองสากล (เช่น IEC หรือ UL) และติดตั้งโดยช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตหรือบริษัทที่มีความชำนาญเท่านั้น ห้าม ใช้อุปกรณ์ชาร์จที่ดัดแปลงเองหรือไม่ได้มาตรฐาน

การดึงสายชาร์จที่ผิดวิธี

ถอดสายชาร์จอย่างถูกวิธี: ควรกดปุ่มปลดล็อกที่หัวชาร์จหรือในรถก่อนดึงออกเสมอ ห้าม ดึงที่สายชาร์จโดยตรง เพราะจะทำให้สายภายในเสียหายได้

การใช้งานในขณะฝนตกหนัก

หลีกเลี่ยงการชาร์จเมื่อสถานการณ์ไม่ปลอดภัย: แม้เครื่องชาร์จจะกันน้ำได้ แต่หากฝนตกหนักจนมีน้ำท่วมขังบริเวณที่ชาร์จ ควรงดชาร์จจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

 

 

โดยสรุปแล้ว ความปลอดภัยในการชาร์จ EV ที่บ้านเริ่มต้นจากการลงทุนในระบบไฟฟ้าที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน ควบคู่ไปกับการใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพและการใช้งานอย่างระมัดระวัง การปรึกษาและติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญคือขั้นตอนสำคัญที่สุด เพื่อให้คุณชาร์จรถได้อย่างสบายใจ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในระยะยาวครับ

 

Photo Credit : AI Generated 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง