รีเซต

ลุ้นกรอบค่าไฟใหม่ ก.ย.–ธ.ค. 68 ประชุม กพช. ชี้ทิศทางค่าครองชีพ

ลุ้นกรอบค่าไฟใหม่ ก.ย.–ธ.ค. 68 ประชุม กพช. ชี้ทิศทางค่าครองชีพ
TNN ช่อง16
5 พฤษภาคม 2568 ( 15:52 )
6

วิกฤตค่าครองชีพ กับคำถามเรื่อง “ค่าไฟ”

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ค่าไฟฟ้า” กลายเป็นหนึ่งในรายจ่ายประจำเดือนที่สร้างภาระให้กับครัวเรือนไทยโดยตรง ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่างเฝ้ารอคำตอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ โดยมีนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธานการประชุม

การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการเคาะ “ค่าไฟงวดใหม่” สำหรับเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2568 เท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนนโยบายพลังงานระยะยาวของรัฐบาล ที่ต้องหาความสมดุลระหว่าง “ความมั่นคงด้านพลังงาน” กับ “ราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้”

จากค่า Ft ถึงกระเป๋าประชาชน

เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ Ft สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม–สิงหาคม 2568 จาก 36.72 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 19.72 สตางค์ต่อหน่วย โดยใช้เงินผลประโยชน์ส่วนเกินจากการไฟฟ้ารวมกว่า 12,200 ล้านบาท มาช่วยลดภาระให้ประชาชน ส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยลดลงจาก 4.15 บาท เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย

แม้ตัวเลขนี้ดูเล็กน้อย แต่สำหรับบ้านทั่วไปที่ใช้ไฟฟ้าราว 300 หน่วยต่อเดือน หมายถึงการจ่ายค่าไฟลดลงราว 50 บาทต่อเดือน หรือกว่า 600 บาทต่อปี ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่มีนัยสำคัญสำหรับผู้มีรายได้น้อยและครอบครัวที่ต้องควบคุมงบประมาณอย่างเข้มงวด

ประชุม กพช. ไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่คืออนาคตพลังงานของประเทศ

สำหรับการประชุม กพช. ครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 6 พ.ค. นี้ วาระหลักคือการพิจารณากรอบค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน–ธันวาคม 2568 ที่ประชาชนจะต้องจ่ายในช่วงปลายปี พร้อมทั้งการรับทราบแนวทางกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ และการพิจารณานโยบายการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง เช่น ไฟฟ้าจากขยะและพลังงานสะอาดในแผนปี 2566–2573

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลจะบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างรอบคอบและโปร่งใส โดยยึดประโยชน์ประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมผลักดันการใช้พลังงานสะอาดควบคู่กับการดูแลค่าไฟให้อยู่ในระดับเหมาะสม

พลังงานสะอาด ทางเลือกที่ต้องไม่กลายเป็นภาระ

แม้ทิศทางของรัฐบาลในการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนจะได้รับการชื่นชมว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และความมั่นคงทางพลังงาน แต่ก็ยังมีคำถามสำคัญที่ตามมา คือ “ใครจ่าย” ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้

พลังงานสะอาดหลายประเภท แม้ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง แต่กลับมีต้นทุนการผลิตที่สูง และต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก การตัดสินใจว่าจะเพิ่มหรือไม่เพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าจากแหล่งเหล่านี้ จึงมีผลต่อค่าไฟโดยตรงในอนาคตอันใกล้

การประชุม กพช. ครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการนั่งถกเทคนิคหรือสูตรคำนวณตัวเลข แต่คือเวทีแสดงจุดยืนของรัฐบาลแพทองธารในการวางรากฐานพลังงานของประเทศให้มั่นคง ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยความเดือดร้อนของประชาชน

ประชาชนจึงมีสิทธิที่จะตั้งคำถาม และรอฟังคำตอบอย่างชัดเจนว่า การเคาะค่าไฟครั้งนี้จะ “ช่วยให้ประชาชนหายใจสะดวกขึ้น” หรือจะกลายเป็น “แรงกดดันทางเศรษฐกิจ” อีกระลอกหนึ่ง

ค่าไฟฟ้า ไม่ใช่ตัวเลขในบิล แต่คือคุณภาพชีวิต

ในโลกที่พลังงานสะอาดคือคำตอบของอนาคต รัฐบาลไทยต้องก้าวให้ทัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่เดินทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง การกำหนดค่าไฟจึงไม่ใช่แค่เรื่องทางเทคนิค แต่คือการตัดสินใจด้านนโยบายที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนทั้งประเทศ

ค่าไฟในปลายปีนี้ จะเป็น “ภาระ” หรือ “ความหวัง” ทั้งหมดอาจเริ่มต้นที่โต๊ะประชุม กพช. ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง