ประกันวินาศภัยต้องเปลี่ยน หนีดิสรับชั่นรับความท้าทาย

#สมาคมประกันวินาศภัยไทย #ทันหุ้น - สมาคมประกันวินาศภัย แนะภาคธุรกิจประกันวินาศภัยปรับตัวรับบริบทโลกใหม่ พร้อมรับมือกับการแข่งขันที่เปลี่ยนไป จากความท้าทายด้านเทคโนโลยี ภัยธรรมชาติ เพื่อหนีการถูกดิสรัปชั่นและเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ธุรกิจประกันวินาศภัยบนบริบทโลกใหม่เต็มไปด้วยความท้าทายสูงและคาดเดาการณ์ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการมาของเทคโนโลยี ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นอันมาสาเหตุจากภาวะโลกร้อน ปัจจัยเหล่านี้บังคับให้ผู้ประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยต้องปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการทางธุรกิจ ไปจนถึงการออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองต่อบริบทดังกล่าว
การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Big Data, IoT, Sensor, Robotic และ Blockchain ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานของอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหน้าใหม่ในรูปแบบ InsurTech ซึ่งอาจไม่มีสำนักงานแบบดั้งเดิม สามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศ ความสามารถในการเข้าใจความเสี่ยงและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจยุคใหม่
“เทคโนโลยีเข้ามาแทนแรงงานแบบดั่งเดิม แต่ไม่ได้หมายความว่ามาแทนที่คนเสมอไป หากคนมีการพัฒนาทักษะ ให้เป็นผู้ใช้ที่เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยวิเคราะห์ ประมวลผลในเรื่องของความเสี่ยง โดยเฉพาการนำฐานข้อมูล (Big Data) มาใช้ให้เกิดประโยชน์ รวมถึง AI ที่จะเข้ามาช่วยให้กระบวนการทำงานต่างๆ ง่ายสะดวก ราบรื่น”
นอกจากนี้การมาของเทคโนโลยียังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมประกันภัย โดยเทคโนโลยียังเข้ามาเปิดพื้นที่ให้กับผู้เล่นหน้าใหม่ในรูปแบบ InsurTech ที่สามารถให้บริการโดยไม่ต้องมีสำนักงานแบบดั้งเดิม แต่ขีดความสามารถในการแข่งขันไม่ได้ลดน้อยลง
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติที่มีความถี่และความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกปี เช่น น้ำท่วม พายุ ภัยแล้ง และไฟป่า ภาคธุรกิจประกันภัยจึงจำเป็นต้องปรับปรุงโมเดลการประเมินความเสี่ยงใหม่ โดยเฉพาะการพัฒนา Climate Risk Insurance และระบบบริหารจัดการความเสี่ยงเชิงพื้นที่ เช่น Flood Zoning ที่สามารถนำมาใช้ในการกำหนดเบี้ยประกันภัย เงื่อนไขความคุ้มครอง และการบริหารพอร์ตโฟลิโอของบริษัทประกันภัยได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ดร.สมพร กล่าวต่อไปว่า การพัฒนานวัตกรรมการประกันภัยทรัพย์สิน โดยเฉพาะในด้าน Flood Zoning ที่สามารถแบ่งพื้นที่ความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ เพื่อนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณเบี้ย การออกแบบกรมธรรม์ และการบริหารพอร์ตการประกัน โดยมีข้อเสนอให้จัดทำ Digital Flood Risk Map ที่อัปเดตข้อมูลได้แบบ Real-Time และสามารถใช้งานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี IoT และ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) เพื่อสนับสนุนการประเมินความเสี่ยงเชิงพื้นที่
นอกจากนี้ ความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อประเด็น ESG (Environment, Social, Governance) และความยั่งยืน ไม่ใช่เพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นข้อกำหนดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ บริษัทประกันภัยต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และต้องคำนึงถึงผลกระทบที่ผลิตภัณฑ์และบริการมีต่อโลกอย่างรอบด้าน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
