PTG ดึงพาร์ตเนอร์ต่างแดน รุกแตกไลน “สินทรัพย์ดิจิทัล”
ข่าววันนี้ PTG ดึงพาร์ตเนอร์ต่างแดน สยายปีกนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล หวังชัดเจนภายในปี 2565 แถมทุ่มงบ 3-4 พันล้านบาท อัพฐานธุรกิจเต็มพิกัด วางหมากปี 2565 ปั้นEBITDA เติบโต 15-20% พร้อมเดินหน้านำ LPG-ปาล์มคอมเพล็กซ์เข้าตลาดหุ้นไทย เสริมแกร่งระยะยาว คาดชัดเจนไม่เกินธันวาคมปีนี้
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในต่างประเทศประมาณ 2 ราย เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ชื่อ"บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด" เพื่อดำเนินธุรกิจการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ (คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนภายในปี 2565 ซึ่งบริษัทใช้เงินลงทุนส่วนนี้ราว 300 ล้านบาท
อัดงบเสริมแกร่ง
ขณะที่งบลงทุนในปี 2565 บริษัทตั้งไว้ราว 3-4 พันล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจ แบ่งเป็น สถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG จำนวน 80-100 สาขา อยู่ที่1.5-2.0 พันล้านบาท, ขยายการกลุ่มธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน(Non-Oil) อีก 1.0-1.5 พันล้านบาท และใช้ในธุรกิจใหม่(New Business) ประมาณ500 ล้านบาท หวังสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
ด้านธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) บริษัทประมาณการปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG เติบโต50-60% จากปีก่อน ตามแผนการขยายสาขาGas Shops อีก 80 สาขา จากปีก่อนอยู่ที่178 สาขา, Kiosk Shops อีก 100 สาขา จากปีก่อนอยู่ที่443 สาขา และโรงบรรจุก๊าซ อีก 20 สาขา จากปีก่อนอยู่ที่20 สาขา รวมถึงการขยายไปสู่ธุรกิจการซ่อมถัง ผลิตถัง และขยายตลาดใหม่ๆ ไปในกลุ่มภูมิภาคนี้ อีกทั้งการออกถังใหม่(New SKU) ภายในเดือนเมษายน 2565
นอกจากนี้ “บริษัทแมกซ์เวนเจอร์” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่จะขับเคลื่อนการลงทุนในระยะกลางและยาว โดยการเข้าไปลงทุนในโปรเจ็กต์ต่างๆ เช่น Nex Pharma, Pavitree พาทัวร์ และลงทุนใน360Truck ซึ่งเป็น Platform สำหรับ Match รถบรรทุกที่ว่างกับผู้ที่ต้องการว่าจ้างงาน ซึ่งจุดมุ่งหวังเรามองถึงการเติบโตของPlatform นี้ จะทำให้“Max World” แข็งแรงขึ้นและเป็น Enabler ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ที่กล่าวมาเติบโตขึ้นรวมถึงสร้างNew Business ใหม่ๆ ให้กับบริษัท
ดันบ.ย่อยเข้าตลาด
นายพิทักษ์ กล่าวว่าบริษัท อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการนำบริษัทย่อยคือ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด ดำเนินธุรกิจLPG และบริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด (ที่ PTG ร่วมถือหุ้น40%) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หวังเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว คาดได้เห็นความชัดเจนภายในปี2565 หรือไม่เกินช่วงธันวาคม 2565
"ปีนี้เราประเมินว่าบริษัทอัตราการเติบโตของEBITDA จะอยู่ที่ประมาณ 15-20% เพราะปริมาณการจำหน่ายน้ำมันยังเติบโต 8-12% จากสิ้นปีก่อนปริมาณจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่5,020 ล้านลิตร รวมทั้งมองในระยะยาวสัดส่วนกำไรจากNon-Oil จะขยับสูงขึ้น"
อย่างไรก็ดี สำหรับแผนธุรกิจ 5 ปีบริษัทมีเป้าหมายชัดเจน ในการทรานฟอร์มธุรกิจจากOil - Non Oil เป็นธุรกิจ Co-Create Ecosystem เพื่อเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิตและให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยธุรกิจหลักที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโต ประกอบด้วย 8 ธุรกิจหลักคือ 1.ธุรกิจน้ำมันและแก๊ซ 2.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 3.ธุรกิจ Retail แบบที่เป็นOffline to Online
4.ธุรกิจขับเคลื่อนยานยนต์โลจิสติกส์และซัพพลายเชน 5.ธุรกิจซ่อมบำรุง 6.ธุรกิจสุขภาพ ทั้งกายและใจ เพื่อรองรับสังคมสูงวัย 7.ธุรกิจ Digital Platform ทั้งการเงินและLifestyle และ 8.พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด ซึ่งธุรกิจเหล่านี้เป็น“เมกะเทรนด์” ของโลกในอนาคต และเป็นธุรกิจที่จะสนับสนุนให้กำไรจากธุรกิจNon-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี 2569