รีเซต

สรุปดราม่า เม พรีมายา ปมแตกหักหุ้นส่วนคลินิก Dermatige

สรุปดราม่า เม พรีมายา ปมแตกหักหุ้นส่วนคลินิก Dermatige
TNN ช่อง16
7 ตุลาคม 2568 ( 09:18 )
17

สรุปดราม่า เม พรีมายา ปมธุรกิจแตกหักหุ้นส่วนคลินิก

เดือนตุลาคม 2568 โลกโซเชียลร้อนแรงอีกครั้งจากกรณี เม พรีมายา (พิชญ์นรี ตันติวิทย์) อินฟลูเอนเซอร์เจ้าของแบรนด์อาหารเสริมชื่อดัง ออกมาเผยความขัดแย้งกับอดีตหุ้นส่วนคลินิกเสริมความงาม Dermatige Aesthetice (รีแบรนด์จาก PRIMAYA CLINIC) ซึ่งเคยถือหุ้นร่วมกันคนละ 25% แต่จบลงด้วยข้อพิพาทหลายคดี ทั้งยักยอกทรัพย์ หมิ่นประมาท และการละเมิดสิทธิผู้ถือหุ้น

ประเด็นนี้กลายเป็นหนึ่งในดราม่าธุรกิจที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในปี 2568 เพราะเกี่ยวพันทั้งชื่อเสียง เงินทุน และระบบความยุติธรรม จนคำถามว่า “ใครผิด ใครถูก” ยังหาคำตอบไม่ได้


1. จุดเริ่มต้นการร่วมทุน PRIMAYA CLINIC

เมฯ เริ่มต้นร่วมทุนเปิดคลินิกกับหุ้นส่วนอีก 3 คน ได้แก่ “คุณยา” และแพทย์อีก 2 ท่าน โดยแบ่งหุ้นเท่ากันคนละ 25% เพื่อสร้างแบรนด์คลินิกเสริมความงามภายใต้ชื่อ PRIMAYA CLINIC ก่อนจะขยายสาขาหลักที่ทองหล่อ สยาม และเลียบด่วน มีรายได้เฉลี่ย 50 ล้านบาทต่อเดือน ในช่วงขาขึ้นของธุรกิจ


2. จุดแตกหักจากคดีเก่าและการถอนหุ้น

เมื่อเมฯ มีคดีความส่วนตัวในอดีต หุ้นส่วนขอให้เธอถอนชื่อออกจากบริษัทชั่วคราว โดยฝากหุ้นไว้กับหุ้นส่วนที่เหลือ หลังคดีสิ้นสุด เมฯ ขอคืนหุ้นตามสิทธิ์ แต่กลับถูกเสนอทางเลือก 2 รูปแบบ

  • ทางเลือกที่ 1: ถือหุ้น 25% ได้ แต่ห้ามออกหน้าสื่อ

  • ทางเลือกที่ 2: ถือหุ้น 12.5% ในนามผู้อื่น (Nominee)

เมฯ เลือกถือหุ้น 25% เช่นเดิม แต่ต่อมากลับถูกตัดสิทธิ์จากสาขาใหม่ และพบว่ามีการเปิดบริษัทใหม่ในชื่อ Dermatige Aesthetice โดยใช้ฐานลูกค้าและทรัพย์สินของบริษัทเดิม ซึ่งเธอมองว่าอาจเป็นการยักยอกผลประโยชน์ร่วม


3. การขอตรวจสอบบัญชีและการถูกแจ้งข้อหา

เมฯ ส่งหนังสือขอตรวจสอบบัญชีอย่างเป็นทางการในฐานะผู้ถือหุ้น แต่เมื่อเดินทางไปตามนัดกลับถูกแจ้งข้อหา “บุกรุกสถานที่” จากหุ้นส่วนเดิม พร้อมถูกดำเนินคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ หมิ่นประมาท โดยเรียกค่าเสียหายกว่า 5 ล้านบาท



4. ฝั่งคลินิกชี้แจง

ด้านหุ้นส่วนคลินิก Dermatige Aesthetice ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การรีแบรนด์เป็น Dermatige ไม่ได้มีเจตนาตัดขาด แต่เกิดจากผลกระทบด้านภาพลักษณ์หลังจากมีข่าวดราม่าทางโซเชียล ซึ่งทำให้ยอดขายและความเชื่อมั่นลูกค้าลดลง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อเพื่อเดินหน้าธุรกิจ พร้อมยืนยันว่าเมฯ “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทอีกต่อไป” และศาลได้ รับฟ้องบางคดี แล้ว


5. การเสนอทางออกแต่ไม่สำเร็จ

เมฯ พยายามเสนอแนวทางยุติความขัดแย้งหลายครั้ง เช่น

  • เสนอขายหุ้นคืน

  • เสนอซื้อหุ้นของฝ่ายตรงข้าม 75%

  • เสนอผ่อนชำระภายใน 3–5 ปี

แต่ทั้งหมดไม่เป็นผล จนเธอตัดสินใจใช้ช่องทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของตนเอง พร้อมประกาศว่า “จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมอย่างสุดความสามารถ”


6. สถานะล่าสุดของคดี

ปัจจุบัน (ตุลาคม 2568) คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ทั้งฝ่ายเมฯ และหุ้นส่วนยังไม่มีคำตัดสินเด็ดขาด โดยทนายของเมฯ ระบุว่ากำลังรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ความเป็นผู้ถือหุ้นเดิม

ในขณะเดียวกัน คลินิก Dermatige Aesthetice ยังคงดำเนินกิจการต่อไป และมีการเปิดสาขาใหม่ย่านพระราม 9 ภายใต้การบริหารของทีมเดิม


7. บทเรียนจากกรณี เม พรีมายา

กรณีนี้สะท้อนความเสี่ยงใน ธุรกิจร่วมทุน ที่ผู้ประกอบการควรตระหนักก่อนเซ็นสัญญา ไม่ว่าจะเป็น

  • ต้องทำข้อตกลงลายลักษณ์อักษรชัดเจน

  • แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีบริษัท

  • กำหนดกระบวนการตรวจสอบภายในที่โปร่งใส

  • ป้องกันการใช้ชื่อและทรัพย์สินทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

ในเชิงสังคม ดราม่านี้กลายเป็นบทเรียนใหญ่ให้ผู้ประกอบการยุคใหม่ ที่มักเริ่มต้นธุรกิจจากความไว้ใจ มากกว่าข้อตกลงที่ชัดเจน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง