สรุปดราม่า ทองออนไลน์: บทเรียนราคาแพงสำหรับผู้บริโภคยุคดิจิทัล
สรุปดราม่า แม่ตั๊ก กับ ทองออนไลน์
ในวันที่ 23 กันยายน 2567 รายการโหนกระแสได้นำเสนอประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับการขายทองผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะกรณีของ "แม่ตั๊ก กรกนก" แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ที่ถูกกล่าวหาว่าขายทองที่มีคุณภาพต่ำกว่าที่โฆษณา รายการได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาร่วมพูดคุย เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงและหาทางออกร่วมกัน
จุดเริ่มต้นของประเด็น
เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งเผยแพร่คลิปวิดีโอ นำเสนอประสบการณ์การซื้อทองจากไลฟ์สตรีมของแม่ตั๊ก โดยสินค้าที่ซื้อเป็นสร้อยพร้อมจี้ไอ้ไข่และดอกไม้ทองคำ แต่เมื่อนำไปขายต่อที่ร้านทอง กลับพบว่าไม่มีร้านใดรับซื้อ เนื่องจากไม่สามารถระบุเปอร์เซ็นต์ทองและไม่มีเครื่องหมายการค้า ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้า
ประสบการณ์ของผู้เสียหาย
คุณฝ้าย หนึ่งในผู้ร้องเรียน ได้เล่าถึงประสบการณ์การซื้อกำไลทองคำปี่เซียะในราคา 3 หมื่นกว่าบาท โดยเชื่อว่าเป็นทอง 99.99 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในวันที่ซื้อ ราคาทองอยู่ที่บาทละ 28,000 บาท คุณฝ้ายคิดว่าส่วนต่าง 4-5 พันบาทเป็นค่ากำเหน็จ แต่เมื่อนำไปขายต่อ กลับพบว่าไม่มีร้านทองใดรับซื้อ สุดท้ายต้องนำไปจำนำที่ร้านรับจำนำ ซึ่งชั่งน้ำหนักได้เพียง 6 กรัมกว่า และจำนำได้เพียง 9,000 บาท ทำให้คุณฝ้ายรู้สึกว่าราคาที่ซื้อมานั้นสูงเกินไปมาก
มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
นายสมบูรณ์ ภุชงค์โสภาพันธุ์ กรรมการสมาคมค้าทองคำ ได้ประเมินกำไลปี่เซียะดังกล่าว โดยระบุว่ามีราคาต้นทุนประมาณ 12,000 บาท ไม่รวมค่าแรง นายสมบูรณ์อธิบายว่า สาเหตุที่บางร้านไม่รับซื้ออาจเป็นเพราะไม่มีเครื่องมือตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทอง นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทองในตลาดทั่วไปที่ร้านทองรับซื้อมักเป็นทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณที่มีการประทับตราร้านและระบุเปอร์เซ็นต์ทองอย่างชัดเจน
ส่วนทองที่เป็นประเด็นในขณะนี้ หลายชิ้นเป็นทองที่ขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีอิเล็กโตรฟอร์มมิง ซึ่งมีทองเป็นส่วนผสม แต่ร้านทองทั่วไปมักไม่รับซื้อเนื่องจากไม่มีเครื่องตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทอง
มุมมองทางกฎหมาย
นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา สคบ. ได้ให้ความเห็นว่า ในกรณีนี้เป็นเรื่องของการโฆษณาขาย หากมีความจงใจให้ผู้ซื้อเข้าใจผิด มีความพยายามในการปกปิด หรือบอกข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ อาจมีความผิดทางอาญาได้ นอกจากนี้ ยังชี้แจงว่าในทางกฎหมาย คดีฉ้อโกงประชาชน ผู้เสียหายคือรัฐ แม้จะมีการเยียวยาความเสียหาย แต่คดีจะต้องดำเนินไปจนถึงที่สุด
คำชี้แจงจากผู้ขาย
แม่ตั๊กและคุณเบียร์ สามีภรรยาเจ้าของร้าน ได้มาร่วมรายการเพื่อชี้แจงว่า ร้านของตนขายทองทุกประเภท ทั้งทองรูปพรรณทั่วไปที่เป็นทอง 96.5% และทองที่เป็นของมงคล โดยยอมรับว่าในบางครั้งอาจมีการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนในระหว่างการไลฟ์สด เช่น ไม่ได้ระบุน้ำหนักทองหรือเปอร์เซ็นต์ทองอย่างชัดเจน แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาในการหลอกลวงลูกค้า พร้อมทั้งประกาศว่าจะรับซื้อคืนในราคาเต็มที่ขายไปสำหรับลูกค้าที่ไม่พอใจสินค้า
ความรู้สึกของผู้เสียหาย
ผู้เสียหายหลายรายแสดงความรู้สึกว่า ที่ตัดสินใจซื้อเพราะชื่นชอบและไว้ใจแม่ตั๊ก โดยเฉพาะจากภาพลักษณ์ที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น อย่างไรก็ตาม หลายคนรู้สึกเสียใจกับคำพูดบางประโยคที่แม่ตั๊กใช้ในการตอบโต้ประเด็นนี้ เช่น "เงินอยู่ในกระเป๋าเรา ไม่พอใจก็อย่าชักเงินออกมา" หรือ "ให้ไปทำชีวิตตัวเองให้ดีก่อน" ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ได้รับการเอาใจใส่
การดำเนินการต่อไป
ในรายการ มีการพูดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยผู้เสียหายบางส่วนต้องการขายทองคืน ในขณะที่บางคนต้องการดำเนินคดี ทาง สคบ. ได้ให้ความเห็นว่า แม้จะมีการเยียวยาความเสียหาย แต่หากพิสูจน์ได้ว่าการโฆษณาขายทองมีความผิด คดีจะต้องดำเนินไปจนถึงที่สุด
สรุปและข้อคิด
ประเด็นดราม่าทองออนไลน์นี้ได้เปิดเผยให้เห็นถึงความซับซ้อนในการซื้อขายทองผ่านช่องทางออนไลน์ และความสำคัญของการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างมาตรฐานและความโปร่งใสในการค้าทองออนไลน์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจซื้อสินค้ามูลค่าสูง โดยเฉพาะเมื่อซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ในขณะที่ผู้ขายควรให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและชัดเจนเกี่ยวกับสินค้าที่ขาย เพื่อสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในระยะยาว
ภาพ : รายการโหนกระแส