หลังมติไว้วางใจ แพทองธาร อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้?

"แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้?"
รัฐบาลแพทองธารอยู่ต่อ พร้อมการบ้านก้อนโตที่ต้องเร่งแก้
หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลง รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ยังอยู่ต่อด้วยเสียงข้างมากในสภา หลายคนอาจถอนหายใจเฮือกหนึ่งว่า “โล่งไปเปลาะนึง” แต่เอาเข้าจริงๆ คำถามใหญ่ไม่ใช่แค่ว่า “รอดหรือไม่รอด” เพราะประชาชนจำนวนมากเริ่มถามว่า “แล้วต่อจากนี้ จะทำอะไรให้ดีขึ้น?”
การอภิปรายรอบนี้ แม้จะมีคำถามจากฝ่ายค้านเยอะ แต่ก็เปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจง และแสดงความพร้อมที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็น “จังหวะดี” ที่รัฐบาลจะ “รีเซ็ตความเข้าใจ” และสร้างความเชื่อมั่นใหม่ๆ กับประชาชน
(ผ่านด่านสภา) แต่การบ้านยังอีกเยอะ
คนจำนวนไม่น้อยอาจรู้สึกว่า "รอดเพราะเสียงมากกว่า ไม่ใช่เพราะตอบได้ทุกคำถาม" แต่ก็ต้องยอมรับว่า การตอบของแพทองธารในหลายประเด็นแสดงให้เห็นถึงความนิ่ง ความเข้าใจในปัญหา และท่าทีที่พร้อมจะทำงานต่อ โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ที่นายกฯ ชูเป้าหมาย “ฟื้นชีวิตประชาชน” ให้เป็นรูปธรรมเร็วที่สุด
การอยู่ต่อไม่ใช่แค่โอกาสของรัฐบาล แต่เป็นโอกาสของประชาชนที่จะได้เห็น “คนรุ่นใหม่บริหารบ้านเมืองด้วยแนวทางใหม่” ซึ่งถ้าทำได้จริง จะเปลี่ยนการเมืองไทยไปอีกระดับ
(ฝ่ายค้านทำหน้าที่ดี) คือแรงกระตุ้น ไม่ใช่อุปสรรค
ฝ่ายค้านอภิปรายหนัก ใช้ข้อมูลเยอะ และหลายประเด็นก็ควรค่าแก่การนำไปตรวจสอบต่อ แต่ในมุมกลับกัน สิ่งนี้ก็กลายเป็น “กระจก” ที่สะท้อนให้รัฐบาลเห็นจุดที่ต้องเร่งแก้
รัฐบาลชุดนี้มีข้อดีตรงที่ ไม่ปิดหูปิดตา รับฟังความเห็นต่าง และพร้อมจะปรับปรุง ไม่ได้คิดว่าตัวเองถูกเสมอ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีมากสำหรับวัฒนธรรมการเมืองแบบใหม่ ที่เอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง
(เสียงประชาชน) คือเข็มทิศที่รัฐบาลฟังอยู่
แม้จะผ่านด่านในสภา แต่รัฐบาลรู้ดีว่า ของจริงคือเสียงประชาชน ซึ่งวันนี้อาจยังมีคำถาม ยังมีความกังวล แต่ก็ยังเปิดใจให้ “ทีมใหม่” ได้พิสูจน์ฝีมือ
คนไทยไม่ได้คาดหวังความสมบูรณ์แบบ แต่อยากเห็น “ความจริงใจ” และ “ความตั้งใจ” ซึ่งจากท่าทีของนายกฯ ในช่วงอภิปราย หลายคนเริ่มรู้สึกว่า "เธอฟังนะ" และ "เธออยากทำจริง"
รัฐบาลแพทองธารผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ใช่เพราะเงียบเฉย แต่เพราะกล้าชี้แจง กล้าฟัง และกล้ารับผิดชอบ พร้อมย้ำจุดยืนว่าจะเดินหน้า “เปลี่ยนประเทศ” ไปในทางที่ดีขึ้น แม้ทางจะไม่ง่าย แต่ก็ยังมีแสงสว่างที่ปลายทาง
คำถามหลังจากนี้ไม่ใช่ “รอดแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน” แต่คือ “จะใช้โอกาสนี้สร้างอะไรให้คนรุ่นใหม่ภูมิใจได้บ้าง”
เพราะท้ายที่สุด “ความไว้ใจ” ไม่ได้มาจากเสียงในสภา แต่มาจากการกระทำที่ประชาชนสัมผัสได้จริงในชีวิตประจำวัน