รีเซต

สถิติ 10 ปีน้ำท่วมหาดใหญ่ และจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่จากฝนปี 2568

สถิติ 10 ปีน้ำท่วมหาดใหญ่ และจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่จากฝนปี 2568
TNN ช่อง16
25 พฤศจิกายน 2568 ( 08:48 )

สถิติน้ำท่วมหาดใหญ่ 10 ปี และจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่จากเหตุการณ์ปี 2568

หาดใหญ่เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ที่เผชิญน้ำท่วมขนาดใหญ่หลายครั้งในอดีต โดยเฉพาะในปี 2543 และปี 2553 ก่อนที่ระบบผันน้ำและโครงสร้างป้องกันน้ำจะได้รับการปรับปรุงในทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่องนานเกือบ 10 ปี เหตุการณ์ฝนตกหนักในเดือนพฤศจิกายน 2568 พร้อมปริมาณฝนสะสม 630 มิลลิเมตรภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมง กลายเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงกระเพื่อมต่อระบบจัดการน้ำของเมืองอย่างชัดเจน ปริมาณฝนสูงกว่าความสามารถของคลองอู่ตะเภาและคลองภูมินาถดำริ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในระดับที่ผู้เชี่ยวชาญหลายสถาบันจัดว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเมือง

หาดใหญ่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 2531 ถึง 2553

ข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระบุว่าในปี 2531 เมืองหาดใหญ่มีความเสียหายรวมประมาณ 4,000 ล้านบาทจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ครั้งแรกของยุคสมัยใหม่ ต่อมาในปี 2543 ปริมาณฝนสะสมแตะระดับ 497 มิลลิเมตร พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเกินกว่า 320 ตารางกิโลเมตร มีผู้เสียชีวิต 30 ราย และความเสียหายรวมมากกว่า 18,000 ล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เมือง

ปี 2553 เป็นอีกครั้งที่ระบบรับน้ำถูกทดสอบอย่างหนัก ข้อมูลจากโครงการความร่วมมือด้านภูมิอากาศกับเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระบุว่าปริมาณฝนสะสมสูงถึง 428 มิลลิเมตร ทำให้พื้นที่ในเขตเมืองหาดใหญ่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ถูกน้ำท่วม ครัวเรือนประมาณ 30,000 ครัวเรือนต้องอพยพหรือได้รับผลกระทบ และความเสียหายมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท


ระยะเวลาที่เมืองอยู่ในภาวะเสถียร 2558 ถึง 2564

หลังเหตุการณ์ปี 2553 เมืองเริ่มมีการพัฒนาโครงสร้างการระบายน้ำอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการเดินหน้าโครงการคลองภูมินาถดำริ ซึ่งมีความสามารถผันน้ำสูงสุด 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนคลองอู่ตะเภามีความสามารถประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อโครงสร้างเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างเต็มศักยภาพ ทำให้ช่วงปี 2558 ถึง 2564 ไม่มีน้ำท่วมขนาดใหญ่ที่สร้างผลกระทบวงกว้าง เหตุการณ์ส่วนใหญ่เป็นเพียงน้ำรอระบายเป็นรายพื้นที่ที่คลี่คลายภายในไม่กี่ชั่วโมง

สัญญาณเตือนในปี 2565 จากฝนที่มีความเข้มสูง

ข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาบันทึกว่าช่วงเดือนธันวาคม 2565 อำเภอหาดใหญ่มีปริมาณฝนสูงสุดภายใน 24 ชั่วโมงที่ 401.5 มิลลิเมตร ส่งผลให้เขตเมืองหลายจุดมีน้ำล้นตลิ่งและเกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน ครัวเรือนในจังหวัดสงขลากว่า 11,616 ครัวเรือนถูกระบุว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ และมีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุการณ์นี้เป็นช่วงเวลาที่มีปริมาณฝนมากผิดปกติเมื่อเทียบกับฤดูกาลปกติของภาคใต้

เหตุการณ์ปี 2568 ที่นำไปสู่การท่วมใหญ่ครั้งสำคัญในรอบ 25 ปี

ระหว่างวันที่ 19 ถึง 21 พฤศจิกายน 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาบันทึกปริมาณฝนสะสมรวม 630 มิลลิเมตร โดยวันที่ 21 พฤศจิกายนมีปริมาณฝนวันเดียวที่ 335 มิลลิเมตร การไหลของน้ำสอดคล้องกับงานวิจัยของสถาบัน Hat Yai City Climate ซึ่งระบุว่าหาดใหญ่รับมวลน้ำจากหลายทิศทาง ตั้งแต่น้ำจากคลองต่ำและคลองวาดทางทิศตะวันออกในช่วงเช้า น้ำจากพื้นที่สูงของนาหม่อมและคอหงส์ในช่วงบ่าย และน้ำก้อนใหญ่จากคลองอู่ตะเภาในช่วงค่ำ เมื่อน้ำทั้งสามส่วนไหลมารวมกันภายในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้ระดับน้ำในเขตเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

รายงานของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลาระบุว่าเฉพาะในอำเภอหาดใหญ่มีประชาชนได้รับผลกระทบ 243,778 คน หรือประมาณ 104,917 ครัวเรือน เหตุการณ์ครั้งนี้คล้ายกับรูปแบบน้ำท่วมในปี 2543 แต่มีปริมาณน้ำสูงกว่าอย่างชัดเจน ความเสียหายเบื้องต้นประเมินมากกว่า 500 ล้านบาท และยังคงมีการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจในพื้นที่ชั้นในของเมืองต่อเนื่อง


ระบบลุ่มน้ำและโครงสร้างเมือง

การตรวจสอบจากกรมชลประทานพบว่าปริมาณฝนในช่วงเวลาดังกล่าวเกินขีดออกแบบของระบบช่องทางรับน้ำหลายเส้น ระบบผันน้ำทั้งคลองอู่ตะเภาและคลองภูมินาถดำริต้องรับน้ำจากลุ่มน้ำย่อย 3 ลุ่มพร้อมกัน ทำให้การระบายไม่ทันตามการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำจริง พื้นที่รับน้ำในเขตเมืองเองมีข้อจำกัดจากการก่อสร้างและการขยายตัวของเมืองที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิบปีหลัง ทำให้พื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติถูกลดทอนลง

ภาพรวมสิบปีที่ชี้ถึงภาระใหม่ของเมืองในอนาคต

เมื่อพิจารณาสถิติตั้งแต่ปี 2558 ถึงปี 2568 จะเห็นว่าหาดใหญ่มีช่วงเวลาที่สถานการณ์คงที่อยู่นาน แต่ปริมาณฝนในปี 2565 และ 2568 ชี้ให้เห็นว่าความเข้มของพายุและฝนมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลปลายปี การประเมินในระดับลุ่มน้ำและความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานจึงเป็นหัวข้อที่เมืองต้องให้ความสำคัญทั้งในด้านพื้นที่รับน้ำ อุโมงค์ผันน้ำ และการฟื้นฟูเส้นทางระบายน้ำเดิมที่ถูกลดทอนจากการขยายตัวของเมือง

ข้อมูลจากหน่วยงานด้านน้ำและการจัดการภัยพิบัติชี้ว่าระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันต้องรับภาระเกินกว่าที่ออกแบบไว้ในอดีต เมืองหาดใหญ่อาจต้องเผชิญความเสี่ยงรูปแบบใหม่หากไม่พัฒนาระบบระบายน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทศวรรษต่อไป

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง