กรุงศรี ส่อง 2 หุ้นธุรกิจบันเทิง WORK-BEC หลังประกาศงบ

#ทันหุ้น-บล.กรุงศรี ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK และหุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC หลังจากที่ทั้ง 2 บริษัทได้ประกาศงบการเงินออกมา ซึ่งในมุมมองของฝ่ายวิจัยกรุงศรี ยังคงแนะนำขายในหุ้น WORK พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายลงเนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่ออกมาไม่ดี ขณะที่ในส่วนของหุ้น BEC ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ พร้อมเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้น จากการที่กำไรไตรมาส 4/67 ออกมาเด่น โดยได้รับผลดีจากหนัง "ธี่หยด 2"หนุน
ฝ่ายวิจัยกรุงศรี ระบุว่า WORK ได้รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 4/67 ขาดทุนสุทธิ 243 ล้านบาท แย่ลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 78 ล้านบาท และแย่ลงจากไตรมาสก่อน ที่ขาดทุน 17 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนผลิตรายการทีวีเพิ่มมากกว่ารายได้ค่าโฆษณา และธุรกิจคอนเสิร์ตมีผลขาดทุน รวมถึงมีค่าใช้จ่ายพิเศษ 92 ล้านบาท จากการด้อยค่าสินทรัพย์ไม่มีตัวตน(ละคร) ขณะที่ผลดำเนินงานทั้งปี 2567 พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 201 ล้านบาท จากปี 2566 ที่มีกำไร 13 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัยจึงได้ปรับลดประมาณการปี 2568-2569 ของ WORK ลงเป็นขาดทุนสุทธิ 39 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 44 ล้านบาทตามลำดับ จากเดิมคาดขาดทุนสุทธิ 4 ล้านบาท และกำไร 17 ล้านบาทตามลำดับ โดยได้ปรับลดรายได้ค่าโฆษณาลง 9-15% เป็นลดลง 10% และลดลง 6% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวีมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ WORK ไม่มี Content ดีพอจะดึงดูดเม็ดเงินโฆษณา
กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำขายหุ้น WORK พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 4.70 บาท จากเดิมอยู่ที่ 7.45 บาท เพราะไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของผลประกอบการแม้ปี 2567 จะมีการด้อยค่าสินทรัพย์ไม่มีตัวตน(ละคร) ลงเป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรในอนาคต อย่างไรก็ตามมองว่า WORK ยังมีความเสี่ยงจากภาวะอุตสาหกรรมสื่อทีวีมีแนวโน้มลดลง และไม่มี Content ดีพอจะดึงดูดเม็ดเงินโฆษณาไว้ได้
ส่วนหุ้น BEC ได้รายงานกำไรปกติงวดไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY และเพิ่มขึ้น 278% QoQ ซึ่งมองว่าผลประกอบการฟื้นตัวได้เด่น เนื่องจากการรับส่วนแบ่งกำไรจากหนัง "ธี่หยด2" จำนวน 100 ล้านบาท (ทำรายได้จากการฉายทั่วประเทศกว่า 800 ล้านบาท) และค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลง จากการปรับโครงสร้างองค์กรลดจำนวนพนักงาน อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายพิเศษจากการปรับโครงสร้างองค์กร ด้อยค่าสินทรัพย์และขาดทุนจากการขายเงินลงทุน เป็นจำนวนกว่า 213 ล้านบาท ฉุดให้ไตรมาส 4/67 พลิกขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาท
ขณะที่กำไรปกติทั้งปี 2567 อยู่ที่ 310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% YoY ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 96 ล้านบาท ลดลง54% เนื่องจากมีค่าใช้ครั้งเดียว จากการปรับโครงสร้างองค์กร ด้อยค่าสินทรัพย์และขาดทุนจากการขายเงินลงทุน
สำหรับแนวโน้มกำไรปกติในปี 2568 ของ BEC ฝ่ายวิจัยกรุงศรี คาดว่าจะอยู่ที่ 354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% โดยคาดรายได้จากการบริหารสิทธิ์และจัดกิจกรรมโตต่อเนื่อง และคาดมีส่วนแบ่งกำไรจากภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องในปี 2568 ซึ่งบริษัทตั้งเป้าผลิตภาพยนตร์ 2-3 เรื่อง
โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568-2569 ของ BEC ขึ้น 28-30% จากการปรับลดค่าใช้จ่าย SG&A ลง และการปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นจากค่าใช้จ่ายการผลิตละครมีแนวโน้มลดลง ตามนโยบายควบคุมต้นทุน
กลยุทธ์การลงทุน ได้ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมแนะนำถือในหุ้น BEC พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 4.54 บาท จากเดิม 4.20 บาท มองว่าหุ้นมีความน่าสนใจ จากผลประกอบการมีสัญญาณ Turnaround, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้นปี 2567 มีเงินสดในมือกว่า 4.4 พันล้านบาท อัตราหนี้สินต่อทุนเพียง 0.5 เท่า