รีเซต

เปิด 10 สินค้าขายดีบน E-commerce รับอานิสงส์โควิด-19

เปิด 10 สินค้าขายดีบน E-commerce รับอานิสงส์โควิด-19
TNN ช่อง16
2 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:59 )
924
เปิด 10 สินค้าขายดีบน E-commerce รับอานิสงส์โควิด-19

        ธุรกิจ E-Commerce เป็นที่นิยมในประเทศไทยมานานแล้ว  โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมาที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยิ่งทำให้กระแสความนิยมและการเข้าถึง E-Commerce เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องและทำให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้ 

        ข้อมูลจาก Priceza ระบุเทรนด์การเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ทั้งในและต่างประเทศน่าสนใจอย่างมากว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มูลค่าตลาด E-Commerce ในปี 2020 มีมูลค่า 294,000 ล้านบาท โดยในปี 2019 อยู่ที่ 163,000 ล้านบาท เท่ากับว่า มีการเติบโตสูงขึ้นถึง 81%


     นอกจากนี้ ยังพบว่ามีสินค้าที่เข้ามายังตลาด E-Marketplace (เฉพาะ Lazada  Shoppee  JD Central) เพิ่มสูงขึ้นถึง 32% โดยในปี 2019 มี 174 ล้านชิ้น แต่ปี 2020 มีสินค้า 230 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นถึง 32% ในขณะที่มีร้านค้า (ผู้ขาย) เพิ่มสูงมากขึ้นถึง 50% โดยแบ่งเป็น ร้านค้าในประเทศมี 37% และร้านค้าจากต่างประเทศ 63%  จึงทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงมากขึ้น 

        โดย 10 สินค้าขายดีบน E-commerce ได้แก่  มือถือ –อิเล็กทรอนิกส์ 24.75% รองลงมาเป็นสินค้า แฟชั่น –เสื้อผ้า 14.63% ,ความงาม  11.91%,ไลฟ์สไตล์011.5%, สุขภาพ 8.62% ,ของตกแต่งบ้าน 6.75%, ของเล่น 5.69%,สินค้าแม่และเด็ก 4.75% ,  ยานยนต์ 3.72% และ กีฬา 3.72 %


        ช่วงปีที่ผ่านมาจะเห้นว่ามีการเปิดเว็บออนไลน์กันเองมากขึ้น การใช้โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่ E-Marketplace ก็ด้วย ผู้ประกอบการร้านค้าและแบรนด์ต่างมุ่งสู่ตลาดอีมาร์เก็ตเพิ่มขึ้น (นับบน LazMall และ ShopeeMall) ถึง 46% โดยในปี 2019 มี 3,400 ร้านค้า แต่ในปี 2020 มีสูงถึง 5,000 ร้านค้า เพราะว่าผู้ประกอบการหรือแบรนด์นั้นต้องการสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้า ขณะเดียวกันผู้บริโภคหรือลูค้าเองก็มั่นใจในการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งข้อมูลจาก  Priceza ยังพบว่า 40% นักช้อปออนไลน์คนไทย ซื้อสินค้าผ่าน Social Media  ซึ่งมากกว่าในหลายๆ ประเทศ มากกว่าสหรัฐฯ อินโดนีเซีย และอินเดียอีกด้วย

         นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า  การขายสินค้าออนไลน์ให้ได้รับผลกำไรและอยู่ในธุรกิจระยะยาว  ต้องมีการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี เนื่องจากปัจจุบันตลาดออนไลน์มีคู่แข่งจำนวนมาก  มีช่องทางการขายที่หลากหลายทั้งบนเว็บไซต์เฉพาะ แพลตฟอร์มอี-มาร์เก็ตเพลส หรือช่องทางโซเชียลมีเดีย  ซึ่งทุกช่องทางล้วนแล้วแต่มีกลุ่มเป้าหมาย/กลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน  แต่ก็มีโอกาสที่กลุ่มลูกค้าจากช่องทางหนึ่งจะไปเปรียบเทียบราคาหรือคุณภาพสินค้ากับอีกช่องทางหนึ่ง  เพื่อให้ได้สินค้าและราคาที่โดนใจมากที่สุด รวมถึงความพึงพอใจที่ได้รับจากผู้ค้า เช่น ความน่าเชื่อถือ แพคเกจจิ้ง การขนส่งที่รวดเร็ว และการสื่อสารกับลูกค้าแบบทันทีทันใด (Real Time) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภค 


         "การปรับตัวให้ทันสถานการณ์และทันกระแสนิยมเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจาก ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ส่วนใหญ่มีการเปิดรับข่าวสารผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งข่าวสารที่เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์จะมีความรวดเร็ว และเกิดเป็นกระแสขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น การติดตามข่าวสารและปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ปรับตัวให้ทันแฟชั่น ทันคู่แข่ง ทันตลาด ปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอสินค้าให้มีความหลากหลาย ก็จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้ได้เปรียบคู่แข่งขันในตลาด"  นายวีรศักดิ์ กล่าว

        จะเห็นได้ว่า แนวโน้มของตลาดออนไลน์ หรือ E-Commerce ในปี 2021 นี้ จะยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน ด้านผู้ประกอบการเองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาศักยภาพของตนเอง และคอยอัปเดตเทรนด์ E-Commerce เพื่อที่จะได้ปรับตัวให้ทัน 



เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง