รีเซต

เตือนกทม. ฝุ่น PM2.5 พุ่ง ช่วงวันที่ 6-9 ธ.ค.นี้!

เตือนกทม. ฝุ่น PM2.5 พุ่ง ช่วงวันที่ 6-9 ธ.ค.นี้!
TNN ช่อง16
5 ธันวาคม 2568 ( 10:30 )

ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยสถานการณ์คุณภาพอากาศเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) พบว่าปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ในหลายพื้นที่ของประเทศยังเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่อยู่ในระดับสีส้ม บ่งชี้ถึงผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มดีขึ้นและกลับเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่


ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศระบุว่า ภาคเหนือมีค่าฝุ่นอยู่ในช่วง 4.4–48.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9.3–32.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาคกลางและตะวันตก 24.5–49.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาคตะวันออก 16.9–55.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาคใต้ 11.8–32.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑลพบสูงสุดถึง 62.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ศกพ. เตือนว่าในช่วงวันที่ 6–9 ธันวาคม 2568 มีแนวโน้มที่ค่าฝุ่น PM2.5 จะเกินเกณฑ์ในหลายพื้นที่ โดยต้องจับตาเป็นพิเศษในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศปิดและมลพิษสะสม


นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “ฤดูเปิดหีบอ้อย” จึงมีการเน้นย้ำให้โรงงานควบคุมปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบไม่เกินร้อยละ 15 ของปริมาณทั้งหมด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่ง และลดการใช้รถส่วนบุคคลเพื่อบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศ ขณะเดียวกันกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยเรื้อรัง เด็ก ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมหน้ากากป้องกันเมื่อต้องออกนอกบ้าน ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งแต่ภาคเหนือลงมาให้เตรียมรับมือปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม โดยใช้มาตรการเข้มงวดห้ามเผาเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยลดจุดความร้อนลงได้อย่างชัดเจน พร้อมย้ำว่าการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเผาวัสดุเกษตรเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น


นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไทยยังผลักดันประเด็นการเผาข้ามพรมแดนในเวทีอาเซียนและประชุมระหว่างประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่จะเน้นแก้ไขในส่วนที่ควบคุมได้ภายในประเทศก่อน โดยมีการบูรณาการข้อมูลจาก GISTDA และหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยมอบหมายให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ดูแลด้านมลพิษอากาศ ส่วนการดำเนินคดีและมาตรการป้องกันอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย


สำหรับมาตรการ Work From Home นายกรัฐมนตรีระบุว่ายังคงสามารถนำมาใช้ได้ หากมีความจำเป็นและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการลดปัญหาฝุ่นในช่วงวิกฤต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง