รีเซต

10 อันดับข่าวโซเชียลปี 2566 สารพัดดรามา - หลากไวรัล แจ้งเกิดแจ้งดับ เทพยังสะเทือน!

10 อันดับข่าวโซเชียลปี 2566 สารพัดดรามา - หลากไวรัล แจ้งเกิดแจ้งดับ เทพยังสะเทือน!
TNN ช่อง16
17 ธันวาคม 2566 ( 17:44 )
93
10 อันดับข่าวโซเชียลปี 2566 สารพัดดรามา - หลากไวรัล แจ้งเกิดแจ้งดับ เทพยังสะเทือน!

10 อันดับข่าวโซเชียลปี 2566 สารพัดดรามา - ไวรัลกระแสแรง! แจ้งเกิดแจ้งดับทุกวงการ แม้แต่เทพยังสะเทือน 


ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วสำหรับ ปี  2566 ในปีนี้ยังมีประเด็นโซเชียลเกิดขึ้นมากมาย , การแจ้งเกิดของไวรัลจนกลายวลีเด็ดที่คนพูดกันติดปาก หรือ แม้กระทั่งการถือแบบกำเนิดจริงจังของสายมูจนเป็นกระแส การแชร์ - การขุดคุ้ยจนสร้างความตระหนักและเปลี่ยนแปลงในสังคม เรามาดูกันว่า 10 อันดับข่าวของโลกโซเชียลในปี 2565 นี้มีอะไรบ้าง


1. #แบนเที่ยวเกาหลี  แค่ไม่ผ่านตม. กลายเป็นปัญหาระดับชาติ 


เกิดเป็นกระแสแรงในโลกโซเชียลหลัง บิว วราภรณ์ อินฟลูเอนเซอร์และยูทูบเบอร์คนดัง ซีอีโอแบรนด์ดัง “Bondi Jelly” ได้โพสต์รีวิวเรื่องราวหลังติด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของเกาหลีใต้ ก่อนถูกส่งตัวกลับ หลังจากนั้นได้มีชาวเน็ตเข้ามาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับติดตม. เกาหลีใต้ถึงแม้จะมีแพลนเที่ยว ตั๋วไปกลับชัดเจน ก็มีโอกาสถูกส่งกลับ 


บางรายเจอคำถามจากเจ้าหน้าที่ว่าต้นไม้หน้าโรงแรมมีกี่ต้น เมื่อตอบไม่ได้ก็ถูกปฏิเสธให้เข้าประเทศ ทำให้เกิดคำถามว่าต้องมีโปรไฟล์ดีแค่ไหนถึงจะไปเที่ยวเกาหลีใต้ได้ จนเป็น แฮชแท็ก #แบนเที่ยวเกาหลี ใน X  ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่กระแสการพูดคุยกันในโซเชียล แต่ร้อนไปถึงรัฐบาล โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้นำประเด็นคนไทยถูกตม. ปฏิเสธเข้าประเทศไปหารือกับกระทรวงต่างประเทศเพื่อหาวิธีแก้ไข

ต่อมาปลัดกระทรวงท่องเที่ยวได้นำประเด็นนี้ไปพูดคุยในการประชุมประจำปีระหว่างปลัดกระทรวงการต่างประเทศไทยและเกาหลีใต้ โดยเป็นห่วงว่ากระแสในโลกโซเชียลจะลุกลามไปกระทบการท่องเที่ยว ทั้งนี้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้กล่าวแสดงความเสียใจที่เกิดปัญหาดังกล่าว และไม่ประสงค์ให้ปัญหานี้มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมถึงต่อมิตรภาพที่ดีระหว่างประชาชนของทั้งสองฝ่าย และย้ำว่า เกาหลีใต้ไม่มีนโยบายที่จะปฏิเสธนักท่องเที่ยวไทยเข้าเมืองแต่อย่างใด โดยการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดอาจเป็นเรื่องเฉพาะของเจ้าหน้าที่ตม.บางคนเท่านั้น 


อย่างไรก็ตามคนไทยบางส่วนก็แสดงความเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพราะมีคนไทยจำนวนมากโดดวีซ่าเพื่อหนีเข้าไปทำงานแบบผิดกฏหมาย และ เป็นอันดับ 1 ของผู้โดดวีซ่า อีกทั้งจำนวนเพิ่มขึ้นในทุกปี จึงไม่แปลกใจที่คนไทยจะถูกปฏิเสธการเข้าเมืองถี่ขึ้นกว่าเดิม 


2. ดรามา ‘กุนขแมร์ VS มวยไทย’ เถียงกันไม่จบต้นตำรับมาจากไหน 


เป็นดรามาระดับประเทศเลยทีเดียวหลังจากที่ คณะกรรมการจัดการแข่งซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ของกัมพูชา ได้ประกาศบรรจุ มวยเขมร หรือ ‘กุนขแมร์’  ศิลปะป้องกันตัวของประเทศกัมพูชา   ลงในการแข่งขันแทนการแข่งขันมวย โดยระบุว่าเป็นกีฬาประจำชาติกัมพูชา  ส่งผลให้ประเทศไทย ประกาศไม่ส่งทีมนักกีฬาลงแข่งขันในประเภทนี้  ขณะที่กัมพูชายืนยันจะจัดการแข่งขันต่อ และได้มีการจัดประชุม กติกา และมี 7 ชาติตอบรับกติกาในการแข่งขันในครั้งนั้น

ก่อนหน้านี้ กุนขแมร์ เป็นกระแสในโลกโซเชียล หลังจากยอดมวยไทย บัวขาว บัญชาเมฆ ถูกโยงเข้าไปเกี่ยวด้วย หลังมีคนกัมพุชาบางส่วนบอกว่า บัวขาว บัญชาเมฆ จริง ๆ แล้วเป็นคนเขมร จนเจ้าตัวต้องออกมาโพสต์ยืนยันว่าตนเองนั้นเป็นคนไทย เป็นชาวส่วย ไม่ใช่คนเขมรตามที่ชาวเน็ตกัมพูชาเข้าใจ  และ มีการปะทะคารมกันอยู่เนือง ๆ ระหว่างชาวเน็ตไทย และ กัมพูชา ว่าใครคือต้นตำรับศิลปการต่อสู้ในชนิดนี้ 


3. ไวรัล ‘คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ’ เพลง 18+ สะท้อนความจริงเหลื่อมล้ำทางเพศ


เป็นกระแสที่มาแรงในโลกโซเชียลหลังโลก TikTok มีการแชร์คลิป “คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ” เพลงหมอลำซิ่งเนื้อหาล่อแหลม ซึ่งกลายเป็นไวรัลที่คนนำเอาไปโคฟเวอร์ กันขำ ๆ ความหมาย 18+  โดยนักร้องร้องว่า คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ มีงานให้ทำไหมคะ ปริญญาไม่มี แต่มี...นะคะ แต่มี...นะคะ ซึ่งเพลงนี้มีการนำไปโคฟเวอร์กันอย่างสนุกสนานกันใน TikTok จนวลีที่ว่า คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ เป็นคำที่ชาวเน็ตนำมาโพสต์เล่นกันในโลกโซเชียล


ในเมื่อมีคนชอบ ก็ต้องมีคนไม่ชอบเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือดาราดัง ป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจ ซึ่งเห็นว่าหยาบโลน และ ห่วงว่าเด็กๆ มาเปิดดูคลิปพวกนี้แล้วจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา จนเกิดเป็นกระแสตีกลับ ว่าละครในแนวตบตี ข่มขืนนางเอกก็ไม่ควรมีเหมือนกัน และ การแสดงนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และ เป็นการแสดงพื้นบ้านสไตล์หมอลำซิ่งซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง

ต่อมาไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ได้ออกมาชี้แจงว่า ทำไมเพลงนี้ถึงติดหูกันในโซเชียลเนื่องจากสะท้อนความเหลื่อมล้ำทางสังคม แม้ผ่านไป 30 ปี แต่ความจริงนี้ก็ยังดำรงอยู่ในสังคมไทย ประเด็นท่อนเพลง "คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ" จึงควรให้ความสำคัญกับสาระที่แท้จริง คือความเหลื่อมล้ำ ซึ่งรวมถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศสถานะที่เกิดขึ้นในสังคมนี้ และสาระตรงนี้ควรสะกิดต่อมความคิดแบบอนุรักษ์นิยมให้คิด มากกว่าภาษาที่หยาบโลน


หลังจากนั้น  ป๋อ ณัฐวุฒิ ได้ออกมาขอโทษถึงประเด็นที่ตนพูดบอกไป และ ยืนยันว่าไม่เคยคิดดูถูกเหยียดหยามพี่น้องหมอลำ และเรื่องชนชั้นใด ๆ ในบทบาทของความเป็นพ่อ ผมก็เลยอยากจะฝากแง่คิดไปถึงคนที่มีส่วนรับผิดชอบในการคัดกรองเนื้อหาต่างๆให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้เด็กได้เติบโตมาในสังคมที่ดีงามเท่านั้นเอง 


4. ‘พี่กบไม่ให้ลา’ สะเทือนใจมนุษย์เงินเดือน เรื่องจริงของลูกจ้างที่ต้องเจอ


เกิดเป็นกระแสที่ชาวโซเชียลแชร์กันสนั่นหวั่นไหวในชั่วข้ามคืน หลังจากลูกจ้างสาวรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความสนทนาเป็นข้อความในแชทไลน์กับหัวหน้างาน เพราะแม่ป่วยหนักอยู่ไม่น่าจะพ้นคืน จึงขอลากับหัวหน้างาน แต่กลับถูกหัวหน้าให้มาเขียนใบลาออก   โดยไม่มีการแสดงความเสียใจหรือประโยคใดๆนอกจากตอบรับว่า โอเคค่ะ


หลังจากโพสต์นี้เผยแพร่ออกไปได้กลายเป็นไวรัลมีการแชร์ต่อกันเกือบ 1 แสนครั้งในเวลาเพียงแค่ 15 ชั่วโมง นอกจากชาวเน็ตแล้ว ยังมีเพจชื่อดังหลายเพจแชร์ออกไป โดยต่างวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของ “พี่กบ” ว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ขาดความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งอาจจะผิดกฏหมายแรงงานด้วย 

นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องให้บริษัทต้นสังกัดทำการตรวจสอบ “พี่กบ” และ เกิดปรากฏการณ์ทัวร์ลงเพจของบริษัทต้นสังกัดซึ่งเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา จนบางโพสต์ต้องปิดคอมเม้นต์ไว้  และ โรงแรมในต้นสังกัดเดียวก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเนื่องชาวเน็ตเข้าไปรีวิวโดยให้แค่ดาวเดียวซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ธุรกิจอย่างมาก 


กระแสไวรัลดังกล่าวดังไปถึง กระทรวงแรงงาน ซึ่งนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย  พร้อมกับย้ำว่า การลากิจธุระอันจำเป็น เป็นสิทธิพื้นฐานที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดสิทธิให้ลูกจ้างทุกประเภทมีสิทธิลากิจได้ แม้จะเป็นลูกจ้างทดลองงาน ลูกจ้างรายวัน และลูกจ้างประเภทอื่น ย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรฐานขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเท่าเทียมกัน


5. ดรามา ‘จดสิทธิบัตรปังชา’ ธุรกิจเล็กสะเทือน เพราะเมนูบ้านๆ


ถือเป็นเรื่องที่สะเทือนผู้ประกอบการรายเล็ก และ เป็นตัวอย่างของเสียงโซเชียลที่ช่วยพากันท้วงติง จนสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ไม่ผิด ดรามาปังชา เป็นอีก ดรามาที่ถูกพูดถึงกันในวงกว้างในปี 2566 ซึ่งเรื่องนี้ติดเทรนด์ แฮชแท็กใน X หลังจากร้านอาหารแห่งหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความลงบนเพจเกี่ยวกับการจดสิทธิบัตร  ‘ปังชา’  เมนูอาหารที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศไทย ทำให้เกิดการถกเถียงกันบนโลกโซเชียลว่า เมนูนี้มีขายมานานแล้ว และ อาจส่งผลกระทบกับผู้ค้ารายย่อย จนในที่สุดกรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องออกมาชี้แจง


เรื่องเกิดจากที่ ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความลงบนเพจของทางร้านระบุว่า ‘ปังชา’ ได้รับความคุ้มครองเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ และ สิทธิบัตร สงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำดัดแปลงแก้ไข ทำให้โลกโซเชียลต่างมีการถกเถียงกันว่า เมนูขนมปังเย็น ปังชาเย็น แบบนี้มีขายอยู่ทั่วไป การจดลิขสิทธิ์ จะส่งผลกระทบต่อผู้ค้ารายย่อยหรือไม่ ในชาวเน็ตบางส่วนระบุว่าการจดลิขสิทธิ์ อาจจะหมายถึงการจดทะเบียนรูปลักษณ์และการดีไซน์ของทางร้านไม่ได้เกี่ยวกับเมนูหรือชื่อแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตามมีการแชร์ในโลกโซเชียล ร้านขายขนมปังปิ้งแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ถูกยื่นโนติสเรียกค่าเสียหาย 102 ล้านบาท จากร้านดังกล่าว เพราะใช้ชื่อร้านว่าปังชา ทั้งๆที่เปิดร้านมาตั้งแต่ปี 2564 เช่นเดียวกับร้านแห่งหนึ่งในจังหวัดหาดใหญ่ ก็ถูกยื่นฟ้องเช่นกัน เพราะมีคำว่าปังชา อยู่ในกล่องป้ายไฟ โดนคิดค่าเสียหายเป็นจำนวน 7 แสนบาท


เมื่อเรื่องเริ่มลุกลาม กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ออกมาชี้แจงกรณีดรามา ปังชา ว่า น้ำแข็งไสราดชาไทยนั้นมีขายมานานแล้ว “จึงไม่มีใครสามารถจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร” อ้างเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวได้  แต่! ภาชนะที่ใส่ปังชา ของแบรนด์ที่เป็นข่าว ได้มีการจดสิทธิบัตร การออกแบบผลิตภัณฑ์ไว้ หลังจากนั้นทางร้านเจ้าของแบรนด์ต้นเรื่องของดรามา ได้ออกมาขอโทษว่าเป็นการสื่อสารความเข้าใจที่คาดเคลื่อน และ ขอน้อมรับทุกคำติดชม จะนำข้อผิดพลาดดังกล่าวมาปรับปรุงเพื่อพัฒนาแก้ไขต่อไป พร้อมกับได้มีการปรึกษาหารือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อหาทางออกร่วมกันเรียบร้อยแล้ว


6. ดรามา ‘ครูกายแก้ว’  ชาวเน็ตเสียงแตกควรบูชาหรือไม่


เป็นกระแสโด่งดังที่ไม่มีใครไม่รู้จักสำหรับ ‘ครูกายแก้ว’ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นที่ รถกระบะคันหนึ่งบรรทุกรูปปั้นหล่อขนาดใหญ่ แต่ไม่สามารถผ่านสะพานลอยไปได้ โดยจุดเกิดเหตุ เกิดขึ้นบน ถนนรัชดาภิเษก ขาเข้า ก่อนถึงรัชดาภิเษก 36 ทำให้จราจรติดขัดท้ายแถวสะสมต่อเนื่องสะพานพระราม 7 โดยรูปปั้นนี้เป็น เป็นคนกึ่งนก มีปีก เล็บยาวสีแดงและเขี้ยวสีทอง จากการหาข้อมูลพบว่ารูปปั้นนั้นคือ ‘ครูกายแก้ว’ 


ด้านชาวเน็ตที่ได้เห็นข่าวดังกล่าวต่างสงสัยว่า  ‘ครูกายแก้ว’  นั้นคือใคร เพราะไม่เคยเห็นหรือได้ยินชื่อมาก่อน จนเกิดการสืบค้น และ มีการแชร์ข้อมูลกันว่า ครูกายแก้ว เป็นผู้ที่มีวิชาตบะแก่กล้าเมื่อพันปีก่อน มีวิชาอาคมเวทย์มนต์ที่เรืองเวทย์มากท่านหนึ่งในยุคนั้น  มีผู้สืบต่อวิชาของท่านมาเรื่อย ๆ 

 ทั้งนี้ชาวเน็ตได้ขุดคุ้ยว่า พุทธคุณของ “ครูกายแก้ว” ไม่ใช่สายขาว แต่เป็นสายดำจากเขมร และ คำกล่าวอ้างที่ระบุว่าเป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมรโบราณ แต่หลักฐานระบุชัด ไม่มีอาจารย์ที่ชื่อว่ากายแก้ว และ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงนับถือในพระพุทธศาสนาไม่ได้นับถือไสยศาสตร์  


จนกระทั่งวันที่ 13 สิงหาคม ได้มีพิธีเปิดฤกษ์พิธีบวงสรวงเบิกเนตร “ครูกายแก้ว” พร้อมกับมีพิธีบวงสรวงใหญ่บริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว โดยมีประชาชนมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก จนทำให้รถติดยาวเหยียด อีกทั้งขณะที่ทำพิธีนั้นเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับลมกระโชกแรง ทำให้สายมูบางรายมองว่าการเกิดเหตุการณ์นี้ใช่การเกิดอาเพศหรือไม่ และ ในโลกโซเชียลมีการสืบค้นข้อมูลของ ครูกายแก้ว นั้นว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรกราบไหว้บูชาหรือไม่ เนื่องจากภาพลักษณ์เหมือนอสูรมากกว่าเป็นเทพที่ใครหลายคนควรกราบไหว้ อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ศรัทธาบางส่วนยังเคารพนับถืออยู่และไม่เชื่อว่า ‘ครูกายแก้ว’ เป็นปีศาจกันอย่างที่วิจารณ์กันแต่อย่างใด 


7. I told พระแม่ลักษมี about you ไวรัลคนโสดขอแฟนสะเทือนถึงสวรรค์


 เป็นกระแสไวรัลที่มาแรงในปีนี้สำหรับ  I told พระแม่ลักษมี about you ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นไวรัลที่ไม่มีใครไม่รู้จักสำหรับคนโสด ที่ไปขอแฟนกับพระแม่ลักษมี แล้วสุดท้ายได้แฟนแบบตรงปกอย่างที่ได้ขอไว้  โดยเทรนด์  I told พระแม่ลักษมี about you นี้ฮิตเป็นอย่างมากใน TikTok โ

ดยมีสาวๆหลายรายได้แชร์ประสบการณ์การขอแฟนจากการไหว้พระแม่ลักษมี ด้วยการเอารูปไปให้พระแม่ดู หลังจากนั้นปรากฏว่าบางรายได้แฟนหน้าตาแบบที่ขอไว้แบบเป๊ะ ทำเอากระแส I told พระแม่ลักษมี about you กลายเป็นเทรนด์ฮิตมาแรง และ น่าจะแรงต่อเนื่องจนกว่าคนโสดจะหมดไปจากประเทศไทย 


8. กระแส ‘อีกี้’ ถือกำเนิดใหม่สก๊อยแห่งธาตุทองซาวด์


เป็นอีก 1 กระแสที่ไม่มีใครไม่รู้จักสำหรับ ‘อีกี้’ ปลุกกระแสสก๊อยเมืองไทยยุควัยรุ่น Hi 5 ให้กลับมาบูมอีกครั้ง โดยกระแสนี้มาจาก MV  ธาตุทองซาวน์  ได้เผยความเป็นไทยบบฉบับสายดาร์ค ไม่ว่าจะเป็นเด็กแวนซ์ สก็อย ทรงซ้อ ทรงเอ รถยนต์แต่งซิ่ง วัยรุ่นสร้างตัว การควงกระบองไฟ ทำสปาปลา มวยไทย เพลงหมอลำ แตรวง แม้กระทั่งสาวๆสายฝ ที่มองเห็นชาวต่างชาติเป็นตู้ ATM  ซึ่งในเวลาเพียงแค่ 18 ชั่วโมงมียอดวิวถึง 1 ล้านวิวเลยทีเดียว

โดยไฮไลท์ที่เป็นกระแสคงไม่พ้น ‘อีกี้’ สก๊อยสาวในเอ็มวี ที่ปลุกกระแสวัยรุ่นยุค Hi 5 มีการโคฟเวอร์แต่งเป็นสก๊อยและแชร์กันในโลกโซเชียล โดยคนที่รับบทอีกี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน ต่เป็นนางแบบสาวผู้ที่มีใบหน้าสุดเก๋ หลิน มชณต หรือ มชณต สุวรรณมาศ โดยเจ้าตัวได้เผยผ่านทวิตเตอร์ว่า 'วันไปฟิตติ้งชุดอีกี้ก่อนถ่าย เห็นชุดครั้งแรกร้องว้าวเลย เยี่ยวมากๆมันสาแก่ใจ'  นอกจากชาวโซเชียลแล้วเหล่าดาราและคนดังก็ต่างโคฟเวอร์เป็นอีกี้ จนเต็มไปหมด นับว่าเป็นไวรัลที่มาแรงจริง ๆ ในปี 2566 


9. ทรงอย่างแบด! แจ้งเกิด 'พี่ฮาย ธันวา' หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม


ในปี 2566 คงไม่มีใครไม่รู้จักท่อนฮุคที่ว่า ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย เธอไม่อินกับผู้ชายแบดบอย! จากเพลง "ทรงอย่างแบด" ของวง "Paper Planes" (เปเปอร์ เพลนส์) ที่กลายเป็นเพลงโปรดอันดับหนึ่งในดวงใจของเหล่าเด็กๆ ไปแล้ว เมื่อเปิดทีไรเป็นต้องรวมกลุ่มกันร้องจนเสียงดังสนั่นทีเดียว จนทำให้คลิปเด็กอนุบาลร้องเพลงทรงอย่างแบด ถูกแชร์ทั่วโลกออนไลน์จนกลายเป็นคลิปไวรัล ปัจจุบันเพลงนี้มียอดวิวพุ่งสูงเกือบ 20 ล้านวิว

อีกทั้งในแอปพลิเคชัน TikTok เอง เพลงนี้ก็ยังติดอันดับ Popular ที่เหล่านักคอนเทนต์ต่างเลือกเพลงนี้มาใช้ประกอบคลิปกว่า 2 แสนคลิป หากใครเล่น TikTok ก็คงเลื่อนเจอเพลงนี้ไม่ต่ำกว่า 20 รอบ และสองหนุ่ม  "ฮาย ธันวา เกตุสุวรรณ" นักร้องนำ และ "เซน นครินทร์ ขุนภักดี" มือเบส  สร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหมู่เด็กเล็ก แจ้งเกิดดังเป็นพลุแตก ไปเล่นที่ไหนโต๊ะเต็มแทบทุกที่ และ ได้รับตำแหน่งหัวแก๊งฟันน้ำนมไปแล้วเรียบร้อย


10. ‘ไอดอลวิทยาศาสตร์’ ถูกกล่าวหาคุกคาม - ทำร้ายจิตใจหญิงสาวหลายราย


เป็นประเด็นร้อนที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลส่งท้ายปี สำหรับ ‘ไอดอลวิทยาศาสตร์’ หลังจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาเผยพฤติกรรมของบุคคลในแวดวงวิทยาศาสตร์ คุกคามทำร้ายจิตใจ มีหญิงสาวหลายรายตกเป็นเหยื่อ เรื่องนี้ยังติดเทรนด์แฮชแท็กของ X อีกด้วย


 ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เป็นหญิงสาวรายหนึ่งได้ออกมา call out เพื่อช่วยเหลือตัวเอง และ เซฟหญิงสาวคนอื่น ๆ จากไอดอลทางวิทยาศาสตร์รายหนึ่ง โดยเธอกล่าวอ้างว่าถูกด่าทอ ต่อว่าให้อาย ถูกลดทอนศักดิ์ศรีและด้อยค่าความเป็นมนุษย์ ถูกทำลาย identity หรืออัตลักษณ์ของเหยื่อ ให้รู้สึกไม่เหลือความเป็นคน จนนำไปสู่การคิดฆ่าตัวตาย และ พบว่ามีผู้หญิงหลายคนที่โดนแบบนี้

กระแสการพูดถึงนั้นรุนแรงมากจนถืงขั้นสื่อที่ร่วมงานด้วยต้องออกมาประกาศระงับรายการร่วมกัน โดยระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งร่างกายและจิตใจในทุกรูปแบบ ขณะที่เจ้าตัวได้ออกมาขอโทษในกรณีการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้เคยมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ 


ประเด็นนี้นอกจากเกิดเป็นกระแสดรามาแล้ว เรื่องดังกล่าวยังจุดประเด็นให้ผู้คนสนใจกับคำว่า  Gaslighting  รูปแบบของการควบคุมจิตใจซึ่งได้พบได้ในทุกรูปแบบทุกความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นคนรัก ครอบครัว เพื่อน และ สังคมการทำงานอีกด้วย 


ข้อมูลจาก : รวบรวมโดย TNN ONLINE 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง