ปิดฉากกัญชาเสรี-เข้มยาบ้า? เมื่อรัฐสั่งแก้กฎ สะท้อนอะไรต่อทิศทางแก้ปัญหายาเสพติด?
—--------------------------
นายกฯ ปรับเกณฑ์ครอบครองยาบ้าและสถานะกัญชา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อลดเกณฑ์การครอบครองยาบ้าเหลือเพียง 1 เม็ดก็มีความผิด จากเดิมที่ 5 เม็ดถือเป็นไว้เพื่อเสพ
พร้อมทั้งสั่งดึง กัญชา กลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง โดยอนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามและควบคุมปัญหายาเสพติด รวมถึงให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมมือกันทำงานหนักขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ย้อนรอย ‘กัญชาเสรี’ และ ‘การปรับเกณฑ์ยาบ้า’
ในช่วงปลายปี 2563 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งมีสาระสำคัญในการปลดล็อกเฉพาะส่วนของกัญชาและกัญชงให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ถือเป็นยาเสพติด ยกเว้นเฉพาะช่อดอกและเมล็ดกัญชาที่ยังคงเป็นยาเสพติดอยู่
ต่อมาในปลายปี 2564 ได้มีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นการยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดฉบับก่อนหน้านี้ และในช่วงต้นปี 2565 ก็มีการออกประกาศปลดล็อกกัญชาและกัญชงออกจากการเป็นยาเสพติดในประเภท 5 อย่างสมบูรณ์ ยกเว้นเฉพาะสารสกัดที่มีสาร THC เกินกว่า 0.2% โดยน้ำหนักเท่านั้นที่ยังคงเป็นยาเสพติดอยู่ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี 2565 กระทรวงสาธารณสุขก็ได้ออกประกาศให้ช่อดอกกัญชากลับมาเป็นสมุนไพรควบคุมอีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายต่อผลกระทบและการใช้กัญชาในทางที่ผิด
ขณะที่ล่าสุดในปี 2567 รัฐบาลก็มีท่าทีที่จะทบทวนและดึงกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและลดปัญหาจากการใช้กัญชาอย่างไม่เหมาะสม
ส่วนในกรณีของ ยาบ้า นั้น การปรับลดเกณฑ์การครอบครองเหลือเพียง 1 เม็ดก็ถือเป็นความผิดไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้เองเมื่อปี 2567 ทางรัฐบาลก็ได้มีการปรับลดเกณฑ์ครอบครองยาบ้าเพื่อเสพจากเดิมไม่เกิน 15 เม็ด เหลือไม่เกินเพียง 5 เม็ด ตามที่ระบุไว้ในกฎกระทรวงอยู่แล้ว การเพิ่มความเข้มงวดให้ครอบครองเพียง 1 เม็ดผิดกฎหมายจึงเป็นการต่อยอดมาตรการที่มีอยู่เดิมนั่นเอง
ผลจากการลดครอบครองยาบ้าเหลือ 1 เม็ด
การปรับลดเกณฑ์ที่ถือว่าครอบครองยาบ้าผิดกฎหมายเหลือเพียง 1 เม็ด อาจช่วยให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้เสพและผู้ค้ารายย่อยได้มากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นการเพิ่มโทษผู้ติดยาที่พกเพื่อเสพเองอย่างหนักเกินไป จากสถิติของ ป.ป.ส. ในปีงบประมาณ 2566 ผู้ต้องหาคดีครอบครองยาบ้า 1-5 เม็ด มีมากกว่า 50,000 คน หากทุกคนถูกดำเนินคดีจะเป็นการเพิ่มภาระให้กระบวนการยุติธรรมอย่างมาก
นอกจากนี้ การศึกษาของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ชี้ว่า หากใช้มาตรการเข้มงวดกับผู้เสพอย่างเดียว โดยขาดการบำบัดรักษาและฟื้นฟูอย่างครบวงจร อาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนและทำให้ผู้ติดยากลับไปเสพซ้ำได้อีก
ข้อพิจารณาในการควบคุมกัญชา
การจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติดอีกครั้งอาจช่วยควบคุมการแพร่ระบาดได้ในระดับหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ และการพัฒนาเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังเติบโตและมีแนวโน้มสร้างรายได้อย่างมหาศาล
จากการประเมินของศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า หลังจากการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด มูลค่าตลาดกัญชาในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 21,000 ล้านบาท ในปี 2567 โดยแบ่งเป็นมูลค่าตลาดกัญชาทางการแพทย์กว่า 7,000 ล้านบาท และตลาดกัญชาเพื่อการสันทนาการกว่า 14,000 ล้านบาท จากการบริโภคของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, 2565)
ดังนั้น การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับกัญชาจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงมาตรการที่สมดุล กล่าวคือ ในด้านการแพทย์ควรมีการกำหนดกรอบการใช้ให้ชัดเจนว่าสามารถทำได้เฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่ไม่ควรเข้มงวดจนเกินไปจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงและพัฒนาต่อยอดของบุคลากรทางการแพทย์
ส่วนในด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม อาจจำเป็นต้องมีระบบการขออนุญาตและการตรวจสอบที่รัดกุม เพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด แต่ก็ไม่ควรเข้มงวดเกินจนเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและสร้างนวัตกรรมของภาคธุรกิจ
โดยภาพรวมแล้ว แนวทางการควบคุมกัญชาจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสร้างกลไกที่เหมาะสม ทั้งในมิติของกฎหมาย ระเบียบ การบังคับใช้ และการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคม เพื่อให้การใช้กัญชาเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ได้ประโยชน์สูงสุด และลดโอกาสการใช้ในทางที่ผิดให้น้อยที่สุด
ยาบ้าครองแชมป์! สถิติผู้ติดยาพุ่งสูง ท่วมคุกไทย 2 แสนคน
สถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทยนับเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง จากข้อมูลสถิติล่าสุดในปี 2566 ของกรมราชทัณฑ์ พบว่ามีผู้ต้องขังในคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ยาเสพติดสูงถึง 206,361 ราย ซึ่งคิดเป็นเกือบ 80% ของผู้ต้องขังทั้งหมดทั่วประเทศ โดยเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าเป็นยาเสพติดที่พบมากที่สุด ตามมาด้วยยาไอซ์และกัญชา ตามลำดับ
ผลกระทบจาก ยาเสพติด นั้นมีความเชื่อมโยงกับปัญหาอาชญากรรมอย่างมาก เนื่องจากยาเสพติดมักเป็นปัจจัยกระตุ้นหรือแรงจูงใจให้ผู้เสพก่อคดีต่าง ๆ ทั้งการลักทรัพย์ ปล้น หรือแม้แต่ฆาตกรรม เพื่อแสวงหาเงินมาซื้อยาหรือเป็นผลจากการขาดสติยั้งคิดขณะอยู่ในอาการมึนเมา
นอกจากนี้ยาเสพติดยังเป็นต้นเหตุของความแตกแยกและความรุนแรงภายในครอบครัว ตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม
ลดเกณฑ์ยาบ้า? จัดกัญชาเป็นยาเสพติด?
การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นความท้าทายสำคัญที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ จากการสั่งการล่าสุดของนายกฯ ที่ให้ลดเกณฑ์ครอบครองยาบ้าและจัดกัญชาเป็นยาเสพติด แสดงให้เห็นความพยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามและควบคุม
อย่างไรก็ตาม การกำหนดนโยบายและมาตรการต่างๆ ควรพิจารณาอย่างรอบด้านถึงผลดีและผลเสียในระยะยาว ทั้งในแง่ความสำเร็จในการลดปัญหา ผลกระทบต่อประชาชนและสังคม ตลอดจนโอกาสในการพัฒนาประโยชน์ด้านอื่น
นอกจากการปราบปรามแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องให้ความสำคัญกับการป้องกัน บำบัดรักษา และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน รวมถึงมีการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร จึงจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนได้
เรียบเรียง : ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN
แหล่งที่มาข้อมูล
นโยบายของนายกรัฐมนตรีในการประชุมแก้ปัญหายาเสพติดเมื่อ 8 พ.ค. 2567 อ้างอิงจากข่าวของสำนักงานเลขานุการนายกรัฐมนตรี
การปลดล็อกกัญชาของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2563 อ้างอิงจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 137 ตอนพิเศษ 284 ง
การปรับเกณฑ์ครอบครองยาบ้าในปี 2567 อ้างอิงจากกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 141 ตอนที่ 25 ก
สถิติจำนวนคดีครอบครองยาบ้า 1-5 เม็ด จากสถิติสำนักงาน ป.ป.ส. ปีงบประมาณ 2566
การศึกษาผลกระทบของมาตรการเข้มงวดกับผู้เสพยาของ สสส. จากรายงาน "ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน" ปี 2564
ประมาณการมูลค่าเศรษฐกิจจากกัญชงและกัญชาเสรี จากรายงานการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของนโยบายกัญชาเสรีของสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยรังสิต ปี 2565
สถิติอาชญากรรมยาเสพติด และผู้เข้ารับการบำบัด จากรายงานสถิติอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 และรายงานผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2565